top of page

Thrive Wellness Clinic

  • Facebook
  • YouTube
  • Instagram

ชั้น2 เดอะ คริสตัล เอกมัย-รามอินทรา 
Opening Hours เวลาเปิดทำการ 10:00 -19:30 

thrive-clinic.png

Search Results

พบ 198 รายการสำหรับ ""

  • ภูมิคุ้มกันต่ำ รู้ก่อนป่วยหนัก ป้องกันได้ง่ายๆแค่ปรับ Lifestyle

    ภูมิคุ้มกันต่ำ รู้ก่อนป่วยหนัก ป้องกันได้ง่ายๆแค่ปรับ Lifestyle ภาวะภูมิคุ้มกันต่ำ หรือระบบภูมิต้านทานของร่างกายต่ำลง เพราะทำงานกันทั้งวันทั้งคืน จริงๆแล้วไม่ได้เกิดขึ้นในทันทีทันใดนะคะ แต่สาเหตุหลักๆ มาจาก Lifestyle การใช้ชีวิต และสภาพแวดล้อมส่งผลกระทบเป็นอย่างมากเลยค่ะ แม้ว่าบางครั้งเราพยายามดูแลตัวเองอย่างดีแค่ไหน กลับป่วย เหนื่อย พังยิ่งกว่าเดิม ยิ่งระมัดระวัง กลับยิ่งเครียด จนอาการป่วยทรุดหนักลง เกิดเป็นภาวะเรื้อรัง หรือง่ายต่อการติดเชื้ออื่นๆตามมา มาดูกันว่า สาเหตุจาก Lifestyle ที่ทำให้ภูมิคุ้มกันต่ำ ที่เราพูดถึง นี้มีอะไรบ้าง การได้รับยา เช่น ยาสเตียรอยด์ หรือ ยาเคมีบำบัดรักษามะเร็ง ซึ่งมีผลไปกดเซลล์ในระบบภูมิคุ้มกัน หรือทำลายเซลล์ (ทั้งเซลล์ดีและเซลล์มะเร็ง) ทำให้ร่างกายอ่อนแอลงและติดเชื้อได้ง่าย ต้องใช้ระยะเวลาในการฟื้นฟูหรือสร้างเซลล์ที่ทำหน้าที่เป็นระบบป้องกันภัยของร่างกายใหม่ การติดเชื้อไวรัส เนื่องจากไวรัสบางชนิดสามารถทำลายระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายได้ เช่น ไวรัส HIV ที่เป็นสาเหตุของโรคเอดส์ (AIDs) ซึ่งไวรัสจะเข้าไปอาศัยในเม็ดเลือดขาวทำให้เซลล์เม็ดเลือดขาวไม่สามารถทำหน้าที่ต้านทานสิ่งแปลกปลอมที่เข้ามาในร่างกายได้ โภชนาการที่ไม่เหมาะสม การทานหวาน (ติดหวาน) การทานอาหารรสจัด น้ำตาลจะเข้าไปเพิ่ม Workload ของเม็ดเลือดขาว คือเม็ดเลือดขาวต้องทำงานมากขึ้น และยังลดประสิทธิภาพเม็ดเลือดขาวในการจัดการพวกเชื้อแบคทีเรียอีกด้วย การดื่มน้ำสะอาดไม่เพียงพอ เพราะร่างกายต้องใช้น้ำสะอาดในการขจัดของเสียออก สังเกตจากสีปัสสวะ หากมีสีเหลืองเข้ม สื่อถึงร่างกายอาจต้องการน้ำเพิ่มขึ้น อาหารที่มีไขมันสูง ซึ่งมักแอบแฝงอยู่ในขนมถุงๆ อาหารแปรรูป อาหารพวก Deep fried หรือจำพวกอาหารแปรรูป ทั้งยังอาจมีสารปนเปื้อน เพิ่มความเสี่ยงให้ร่างกายอีกด้วย ฝุ่น ควัน PM2.5 อากาศที่ไม่เหมาะกับระบบทางเดินหายใจนั้น ทำให้เราได้รับเชื้อโรค สารพิษ ที่ฟุ้งกระจายตัวอยู่ในอากาศ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เป็นอนุมูลอิสระ ที่ทำให้ร่างกายเกิดการอักเสบ และทำให้ระบบ ภูมิคุ้มกันต้องทำงานหนักมากขึ้นในการต่อสู้กับสารพิษ การพักผ่อนไม่เพียงพอ เมื่อพูดถึงเรื่องการนอน ดูเหมือนจะเป็นเรื่องง่าย แต่ปัจจุบันพบว่า คนเมืองมีปัญหาการนอนไม่หลับ นอนหลับไม่ได้คุณภาพ ซึ่งโดนรบกวนจาก ภาวะความเครียด (Cortisal) รวมถึงภาวะเหนื่อยล้าอ่อนเพลียหรือต่อมหมวกไตล้า ที่ยิ่งทำให้การนอนมีปัญหามากขึ้น เมื่อนั้นเองทำให้การซ่อมแซมร่างกายไม่เต็มประสิทธิภาพ ภูมิคุ้มกันยิ่งต่ำลง สังเกตง่ายๆ ช่วงที่นอนไม่เพียงพอมักจะมีอาการภูมิแพ้ได้ง่าย หรือเป็นหวัดง่ายขึ้นด้วย ถ้าภูมิคุ้มกันต่ำ เราจะรู้ได้อย่างไร มีอาการที่สามารถสังเกตได้ง่ายๆ คือ เป็นไข้หวัดบ่อยๆ มีอาการท้องเสียง่าย หรือท้องเสียเรื้อรัง เป็นโรคเชื้อราบนผิวหนังบ่อยๆ ผื่นขึ้นง่าย ผิวหนังอักเสบได้ง่าย มีความ Sensitive ต่อมลภาวะ ฝุ่นควัน หรือแม้แต่อากาศที่เปลี่ยนแปลง เช่น ฝน ร้อน หนาว เป็นต้น ไม่ต้องรอให้ให้ป่วยหนักถึงเริ่มดูแลสุขภาพ แต่จะต้องตระหนักอยู่ตลอดว่าสิ่งแวดล้อมรอบๆตัวเราอาจส่งผลต่อความอ่อนแอของร่างกาย เริ่มต้นปรับเปลี่ยน Lifestyle ที่ละนิดๆ ก็ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันได้แล้วค่ะ https://www.thrivewellnessth.com/immunesystem https://www.thrivewellnessth.com/nk-cell ตรวจสารพิษโลหะหนักด้วย Oligoscan

  • ภาวะซึมเศร้าหลังคลอด ปัญหาทางจิตใจของคุณแม่หลายๆคน

    ช่วงเวลาที่แสนพิเศษของคุณแม่หลายคนคือการได้พบหน้าลูกน้อยเป็นครั้งแรก หลังจากเฝ้ารอมานานถึง 9 เดือนนับว่าเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุด แต่ยังคงมีคุณแม่ที่เพิ่งคลอดลูกหลายๆท่านกลับรู้สึกเศร้าหมอง เครียด ร้องไห้ไม่มีเหตุผล หงุดหงิดง่าย อาจเป็นเพราะคุณกำลังมีภาวะซึมเศร้าหลังคลอดอยู่ก็เป็นได้ ภาวะซึมเศร้าหลังคลอดคืออะไร? ภาวะเครียดหลังคลอด (Postpartum blue) หรือที่เรียกกันว่า Baby Blue คือ ภาวะการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) และระดับฮอร์โมนโปรเจสเทอโรน (Progesterone) จะลดลงอย่างรวดเร็วส่งผลให้อารมณ์ของคุณแม่มีความแปรปรวนนั่นเอง โดยภาวะนี้จะเกิดขึ้นอย่างน้อยๆ 2 สัปดาห์ อาการภาวะซึกเศร้าหลังคลอดเป็นอย่างไรบ้าง รู้สึกอ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย รู้สึกไม่สดชื่น ไม่อยากทำอะไร นอนไม่หลับหรือหลับไม่สนิท เบื่ออาหาร มีภาวะเครียด วิตกกังวล รู้สึกเศร้า หดหู่ ร้องไห้ไม่มีสาเหตุ อารมณ์เสียง่าย หงุดหงิดง่าย เหวี่ยงวีน ไม่มีความสุขในการดูแลลูก และรู้สึกตัวเองเป็นแม่ที่ไม่ดีพอ หากเข้าข่ายมีภาวะซึมเศรเาหลังคลอดควรทำอย่างไร ปรึกษาแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาอย่างเหมาะสม ให้สามีหรือคนในครอบครัวช่วยเหลือได้ เพื่อแบ่งเบาภาระและความเครียดจากการเลี้ยงลูก ดูแลสุขภาพด้วยการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอและการกินอาหารที่เหมาะสม หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีแอลกอออล์ พักผ่อนให้เพียงพอ หากิจกรรมคลายเครียดยามว่าง คุณแม่ที่มีภาวะซึมเศร้าหลังคลอดส่วนมากเกินจากการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของระดับฮอร์โมน ทางเลือกดีๆที่อยากแนะนำสำหรับคุณแม่กับแพคเกจตรวจเช็กระดับฮอร์โมนเพื่อช่วยปรับความสมดุลให้กับร่างกายและลดภาวะทางด้านอารมณ์และการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย กับ Thrive Hormone Check up ที่ครอบคลุมถึง 17 รายการ จะช่วยให้คุณแม่เตรียมรับมือกับช่วงภาวะซึมเศร้าหลังคลอดได้อย่างดียิ่งขึ้น 🩺แพกเกจตรวจสมดุลฮอร์โมน Thrive Hormone Check up ราคา 17,190 บาท ตรวจสมดุลฮอร์โมน เรียนรู้และรับมือกับภาวะซึมเศร้าหลังคลอด

  • 9 อาการที่บ่งบอกว่าร่างกายมีสารพิษโลหะหนักสะสม

    สารพิษโลหะหนักนั้นแอบแฝงอยู่ทั่วไปรอบๆตัว มากกว่าที่เราจะคาดคิด เช่น ในอากาศ (ฝุ่น PM 2.5, ควันรถ) เครื่องสำอาง น้ำยาเปลี่ยนสีผม  ยาหรือเจลทาเล็บ ภาชนะที่ใส่อาหาร เครื่องครัวต่างๆ  หรือแม้แต่วัคซีนที่ฉีดเข้าร่างกายคุณ เป็นต้น ซึ่งหากมองด้วยตาเปล่าคุณจะไม่สามารถรู้ได้เลยว่าในร่างกายมีโลหะหนักสะสมอยู่แค่ไหน แต่สามารถสังเกตได้จาก  9 อาการ ที่บ่งบอกได้ว่าคุณมีสารพิษโลหะหนักสะสมในร่างกายมาระดับหนึ่งแล้ว หากคุณมีอาการเหล่านี้ คุณอาจมีโลหะหนักในร่างกายสะสมอยู่ ปวดศีรษะบ่อยๆ ปวดเมื่อยเรื้อรัง เช่น ปวดหลัง ปวดข้อมือ ข้อนิ้ว ข้อเท้า อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย รู้สึกไม่ค่อยมีแรง มีอาการหอบหืด หายใจไม่สะดวก ผื่นแพ้ ลมพิษโดยไม่ทราบสาเหตุ คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ท้องเสีย การมองเห็นเปลี่ยน เช่น ตาพร่ามัว แพ้แสงแดด ได้ยินผิดปกติ เช่น หูอื้อ เป็นต้น สารพิษโลหะหนักที่ตรวจพบในร่างกายได้บ่อย สารหนู (Arsenic) มักปนเปื้อนมากับอาหาร เช่น ผัก ผลไม้ อาหารทะเล น้ำจากดิน ยาเร่งการเจริญเติบโตในเนื้อสัตว์ ปุ๋ยและยาฆ่าแมลงจากการเกษตร และร่างกายยังได้รับผ่านการหายใจ หรือเข้าทางผิวหนัง พบว่าคนไทยมีสารหนูการตกค้างในระดับสูง หากได้รับในปริมาณมากสารหนูจะส่งผลให้มีอาการคลื่นไส้อาเจียน ท้องเสีย หัวใจเต้นผิดปกติ กล้ามเนื้อแข็งเกร็ง หลอดลมอักเสบ ความจำเสื่อม เบื่ออาหาร ปลายประสาทอักเสบ มะเร็งปอด มะเร็งผิวหนัง ผิวหนังบวมแดง มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ ภาวะโลหิตจาง อัมพฤกษ์และอัมพาต ปรอท (Mercury) พบมากในสัตว์น้ำ เช่น ปลาหมึก หอย ยังพบในกลุ่มเครื่องสำอาง เช่น  ครีมทาผิว ยาทาสิว ยาทาฝ้า และพบในกลุ่มยาและอุปกรณ์ทางการแพทย์ เช่น วัสดุอุดฟัน วัคซีน ซึ่งสารปรอทจะส่งผลให้กล้ามเนื้ออ่อนแรง สูญเสียการทรงตัว พูดไม่ชัด การได้ยินผิดปกติ เส้นประสาทบริเวณมือและใบหน้าถูกทำลาย และการมองเห็นผิดปกติ อะลูมิเนียม (Aluminum) พบในแหล่งน้ำ ดิน ยารักษาโรค เครื่องใช้ภายในบ้าน เครื่องใช้ในครัวเรือน  รวมถึงสารระงับกลิ่นตัว เมื่อร่างกายสะสมเป็นเวลานานจะส่งผลให้เกิดโรคอัลไซเมอร์ โลหิตจาง กล้ามเนื้ออ่อนแรง ตะกั่ว (Lead) พบมากในโรงงานอุตสาหกรรม เครื่องยนต์เก่า แบตเตอรี่ ภาชนะผลิตอาหาร เช่น หม้อก๋วยเตี๋ยว กระทะ และที่พบมากที่สุดมักอยู่ในลิปสติก ซึ่งตะกั่วส่งผลให้สมองเสื่อม ท้องเสีย โลหิตจาง ความดันโลหิตสูง มีปัญหาทางด้านการนอนหลับ แคดเมียม (Cadmium) มักพบได้จากอากาศ ดิน แหล่งน้ำ แบตเตอรี่ โรงงานอุตสาหกรรม หากมีการสะสมของแคดเมียมจำนวนมากจะส่งผลให้เป็นโรคไตวาย โรคมะเร็ง กระดูกเปราะ โรคอิไตอิไต(Itai-itai disease) เป็นต้น สารพิษโลหะหนักคือตัวการสำคัญที่จะเข้าไปกระตุ้นให้ร่างกายป่วยง่าย และไปเร่งการเกิดโรคโดยที่คุณไม่ทันรู้ตัว  ดังนั้นปัจจุบันสามารถตรวจวัดระดับโลหะหนักสะสมในร่างกายได้ไม่ยากด้วยเครื่องมือ Oligoscan Test เทคโนโลยีจากประเทศฝรั่งเศส ที่ช่วยตรวจเช็กจำนวนโลหะหนักได้ถึง 14 รายการ เช่น สารหนู ปรอท ตะกั่ว อะลูมิเนียม แคดเมียน เป็นต้น และยังสามารถตรวจเช็กระดับแร่ธาตุที่สำคัญภายในร่างกายได้มากถึง 20 รายการ ตรวจและรับการดูแลสุขภาพ กับแพทย์และทีม Health Consultant ที่ ไธรฟ์ เวลเนส คลินิก ตรวจสารพิษโลหะหนักด้วย Oligoscan สารพิษโลหะหนัก ที่ร่างกายไม่ต้องการแต่พบบ่อยที่สุด Q&A ทุกเรื่องของโลหะหนักทำไมเราต้องระวังมากขนาดนี้กันนะ? PM 2.5 ตัวการเกิดสารพิษโลหะหนักในหลอดเลือด

  • รู้หรือไม่ อาหารช่วยปรับฮอร์โมนเพศหญิงได้ โดยไม่ต้องพึ่งยา

    หลายคร้ังความสัมพันธ์ต้องพังลง ฮอร์โมนเพศหญิงของคุณผู้หญิงพร่องไป ฮอร์โมนเพศหญิงช่วยควบคุมการทำงานของระบบต่างๆในร่างกาย ผิวพรรณ ประจำเดือนอารมณ์ทางเพศ ความสุข รวมถึงการตกไข่สำหรับคนที่ต้องการมีลูก ดังนั้นผู้หญิงอย่างเราควรหันมาใส่ใจดูแลความสมดุลของฮอร์โมนด้วยวิธีง่ายๆ เริ่มต้นที่อาหารใกล้ตัว 5 อาหารที่ช่วยเพิ่มและปรับสมดุลฮอร์โมนเพศหญิง น้ำมะพร้าวสด ในน้ำมะพร้าวมีฮอร์โมนเอสโตรเจน ทำให้ดูสดใสเปล่งปลั่ง ซึ่งมีส่วนสำคัญต่อการสร้างคอลลาเจน และอีลาสติน ช่วยกระชับผิวพรรณให้เต่งตึง มีความยืดหยุ่น ชะลอการเกิดริ้วรอยก่อนวัย อีกทั้งน้ำมะพร้าวยังมีฤทธิ์ขับปัสสาวะ ขับของเสียหรือสารพิษออกจากร่างกาย คล้ายกับการทำดีท็อกซ์ จึงช่วยทำให้ผิวพรรณผ่องใส ถั่วเหลือง  ในถั่วเหลืองมีสารประกอบของไฟโตเอสโตรเจน (Phytoestrogen) ซึ่งเรียกว่าไอโซฟลาโวน (Isoflavone) ช่วยเพิ่มระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนในร่างกาย จึงมีส่วนช่วยปรับฮอร์โมนเพศหญิงได้ดี เมล็ดแฟลกซ์ (Flax Seed) อุดมไปด้วยฮอร์โมนเอสโตรเจน อีกทั้งยังอุดมด้วยเส้นใยอาหารและกรดไขมันโอเมก้า3  และช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในร่างกายได้อีกด้วย ไวน์แดง อุดมด้วยไฟโตเอสโตรเจนที่เรียกว่า เรสเวอราทรอล (Resveratrol) ซึ่งช่วยเพิ่มระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนในร่างกาย ช่วยให้เลือดสูบฉีด พร้อมทั้งช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจและโรคหลอดเลือดได้ดี หากดื่มอย่างเหมาะสม วันละ 1 แก้ว กระเทียม มีส่วนช่วยในการเพิ่มระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนในร่างกาย สามารถช่วยลดคอเลสเตอรอล ลดความดันโลหิตและป้องกันการเกิดลิ่มเลือด ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจได้ ซึ่งอาจส่งผลไปถึงการช่วยลดการสูญเสียมวลกระดูกและลดความเสี่ยงของโรคกระดูกพรุนได้ การปรับสมดุลฮอร์โมนด้วยอาหาร เป็นเรื่องพื้นฐานที่คุณสามารถนำไปปรับใช้ได้ทันที และเลือกตามความเหมาะสม หากท่านต้องการตรวจวัดระดับฮอร์โมนในร่างกายเป็นประจำทุกปี ก็ไม่ใช่เรื่องใหม่ เราสามารถตรวจเช็กระดับฮอร์โมนเพื่อช่วยปรับความสมดุลให้กับร่างกาย ลดภาวะทางด้านอารมณ์ และการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย เช่น นอนไม่หลับ อ้วนง่าย ผิวแห้ง หงุดหงิด ซึมเศร้า ความเครียด เป็นต้น ตรวจฮอร์โมนเป็นประจำทุกปี Thrive Hormone Check up ที่จะช่วยปรับฮอร์โมนของคุณให้เกิดความสมดุลและเหมาะสม เพื่อให้คุณเตรียมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นได้อย่างดี 🩺Package Total Hormone ตรวจระดับฮอร์โมนในร่างกายถึง 17 รายการ ราคา 17,190 บาท Package Total Hormone อย่าชะล่าใจ! ใครที่ควรตรวจเช็กฮอร์โมน Hormone ดีไม่มีแก่ เพราะฮอร์โมนสำคัญทุกช่วงวัย

  • สัญญาณเตือน!! ภาวะวัยทองก่อนวัยอันควร

    โดยปกติคนเราจะเริ่มเข้าสู่วัยทองในช่วงอายุ 40-50 ปี แต่ในปัจจุบันมีคนจำนวนไม่น้อยที่อายุยังไม่ถึง 40 ปีก็เริ่มเข้าสู่ภาวะวัยทองแล้ว แล้ววัยทองก่อนวัยอันควร คืออะไร สาเหตุเกิดจากอะไร วันนี้เรามาทำความรู้จัดกับภาวะวัยทองกันค่ะ ภาวะวัยทองคืออะไร? ภาวะวัยทอง คือ ผู้หญิงที่เข้าสู่ช่วงหมดประจำเดือน เกิดจากรังไข่หยุดทำงาน ส่งผลให้ร่างกายหยุดผลิตฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน (Progesterone) จึงไม่มีการตกไข่ สาเหตุหลักประจำเดือนหยุดและหายไป ซึ่งมักเริ่มส่งสัญญานก่อนมากกว่า 1 ปีขึ้นไป เช่น ประจำเดือนเริ่มน้อยลง ประจำเดือนเว้นระยะห่างมากขึ้น (เช่น รอบเดือน 30 วัน เป็น 40 วัน) ประจำเดือนขาดหายเป็นบางเดือน ซึ่งลักษณะอาการทั้งหมดจะเหมือนกับวัยทองปกติ แต่ต่างกันตรงที่ภาวะเข้าสู่วัยทองก่อนวัยอันควรจะมีก่อนช่วงอายุ 40 ปี สัญญาณเตือนว่าคุณอาจกำลังเข้าใกล้ วัยทอง ประจำเดือนมาไม่ปกติหรือขาดไปนานเกิด 3 เดือน อารมณ์แปรปรวน หงุดหงิดง่าย โมโหง่าย ร้อนวูบวาบตามร่างกาย หรือมีเหงื่อออกตอนกลางคืนขณะนอนหลับ เหนื่อยล้า อ่อนเพลียง่าย เริ่มมีอาการหลงลืม นอนไม่หลับ นอนยาก อารมณ์แปรปรวน หงุดหงิดง่าย สาเหตุที่ทำให้เข้าสู่ภาวะวัยทองก่อนกำหนด พันธุกรรม หากคนในครอบครัวมีประวัติเข้าสู่ภาวะวัยทองก่อนวัยอัยอันควร คุณจะมีโอกาสในการเข้าช่วงเวลาวัยทองไวกว่าคนปกติถึง 20% ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคภูมิต้านทานตนเองของต่อมไทรอยด์ (autoimmune thyroid disorder), โรคภูมิแพ้ตัวเอง (SLE), เบาหวาน, โรคอ้วน, โรคมะเร็ง, โรคถุงน้ำในรังไข่หลายใบ (PCOS) เป็นต้น เคยรักษาด้วยการฉายแสงรังสีหรือเคมีบำบัด เช่น ผู้ป่วยมะเร็งปากมดลูก แสงรังสีจะเข้าไปทำลายรังไข่ทำให้เสื่อมก่อนวัยได้ และยาเคมีบำบัดบางชนิดก็ส่งผลโดยตรงให้รังไข่เสื่อมได้เช่นกัน การผ่าตัดบริเวณรังไข่ จะส่งผลให้รังไข่ผลิตเซลล์ไข่ได้น้อยลง หรืออาจทำให้เส้นเลือดฝอยรอบๆรังไข่อุดตัน เกิดการอักเสบ จนทำให้รังไข่เสื่อมในที่สุด พฤติกรรมการใช้ชีวิต ส่งผลมากอย่างไม่น่าเชื่อ เพราะก่อให้เกิดความเสื่อมของร่างกายอย่างรวดเร็ว เช่น การสูบบุหรี่ การดื่มแอลกอฮอล์ การอดนอน การมีความเครียด เพราะจะส่งผลไปถึงการสร้างฮฮร์โมนเอสโตรเจนทำให้ฮอร์โมนชนิดนี้ผลิตลดน้อยลงซึ่งเป็นต้นเหตุของภาวะรังไข่เสื่อมนั่นเอง หากคุณมีอาการดังกล่าวให้สงสัยได้เลยว่าคุณกำลังเข้าสู่ภาวะวัยทองเร็วเกิดไป เราสามารถตรวจเช็กระดับฮอร์โมนเพื่อช่วยปรับความสมดุลให้กับร่างกายและลดภาวะทางด้านอารมณ์ตรวจฮอร์โมนเป็นประจำทุกปี  Thrive Hormone Check up ที่จะช่วยให้คุณเตรียมรับมือกับช่วงวัยทองก่อนวัยอันควรได้ดีขึ้น หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ Line add : @thrivewellnessth วัยทอง อาการวัยทองของผู้หญิงและผู้ชายเป็นอย่างไร Hormone ดีไม่มีแก่ เพราะฮอร์โมนสำคัญทุกช่วงวัย

  • ออกกําลังกายเท่าไหร่น้ำหนักก็ไม่ลด!

    การออกกำลังเป็นยาวิเศษที่ช่วยลดน้ำหนัก แต่ยาวิเศษสำหรับแต่ละคนไม่เท่ากัน แม้ว่าคุณจะออกกำลังกายหนักเท่าไหร่น้ำหนักก็ไม่ลดสักที มาทำความเข้าใจกันก่อนว่า ปัจจัยที่ส่งผลให้ออกกำลังกายแล้วลดน้ำหนักไม่ลงมีอะไรบ้าง พันธุกรรม เพราะในร่างกายเรามียีนอย่างน้อย 100 ยีนที่มีผลต่อน้ำหนักโดยตรง หากในครอบครัวคุณมียีนที่เกี่ยวข้องกับระบบเผาผลาญบกพร่อง คุณก็มีโอกาสลดน้ำหนักได้ยากมากกว่าคนทั่วไปและเพิ่มความเสี่ยงโรคที่มาจากระบบเผาผลาญ เช่น ความเสี่ยงโรคเบาหวาน ภาวะไขมันในเลือดสูง ภาวะไขมันพอกตับ โรคหัวใจ เป็นต้น อายุที่เพิ่มมากขึ้น เพราะร่างกายกับอวัยวะจะเสื่อมลงไปตามอายุ โดยเฉพาะผู้ที่ไม่ได้ดูแลสุขภาพหรือออกกำลังกายเป็นประจำ ระบบเผาผลาญในร่างกายทำงานได้น้อยลง ทำให้ไขมันที่สะสมได้ง่ายมากขึ้น ผู้หญิงลดน้ำหนักยากกว่าผู้ชาย ฮอร์โมน Testosterone ของเพศชายถูกสร้างมาไว้ใช้สร้างมวลกล้ามเนื้อจึงช่วยให้การนำไขมันไปใช้งานเกิดขึ้นได้มากกว่า ดังนั้น  ผู้หญิงมีแนวโน้ม Over Fat ได้ง่ายกว่าผู้ชาย ฮอร์โมนไทรอยด์ต่ำ  ฮอร์โมนไทรอยด์ เป็นฮอร์โมนที่เกี่ยวกับการเผาผลาญโดยตรง โรคไทรอยด์ที่เกิดจากความผิดปกติของฮอร์โมนจะมีผลต่อความอ้วน ต่อมไทรอยด์ทำงานน้อย เกิดการเผาผลาญพลังงานน้อย น้ำหนักเพิ่มขึ้นง่าย อ้วนง่าย และมีอาการบามน้ำร่วมด้วย ระดับแร่ธาตุทองแดง สังกะสี เซเรเนียม อยู่ในระดับต่ำ แร่ธาตุทั้ง 3 ตัวได้แก่ ทองแดง (Copper) สังกะสี (Zinc)  เซเรเนียม (Selenium) เป็นแร่ธาตุสำคัญที่ช่วยเส่งเสริมการเผาผลาญ มักจะพบว่าผู้ที่ลดน้ำหนักได้ยากจะขาดแร่ธาตุเหล่านี้ วิธีช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการลดน้ำหนัก ทราบกันอยู่แล้วว่าการออกกำลังนั้นสำคัญ ออกแบบการออกกำลังให้ Balance : การออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ (Cardio) และขยับร่างกายให้อัตราการเต้นของหัวใจเร็วขึ้น เช่น แอโรบิก ว่ายน้ำ วิ่ง ปั่นจักรยาน เป็นต้น  กับการออกกำลังกายเวทเทรนนิ่ง (Weight training) การออกกำลังกายเพื่อสร้างกล้ามเนื้อ IF หรือ Intermittent Fasting คือ การควบคุมปริมาณการรับประทานอาหารตามช่วงเวลา เสมือนการอดอาหาร โดยแบ่งช่วงเวลาในการทานอาหาร และงดอาหารอย่างชัดเจน โดยรูปแบบที่ได้รับความนิยมคือ 16/8 คือ งดอาหารเป็นเวลา 16 ชั่วโมง และทานอาหารในช่วงเวลา 8 ชั่วโมง เช่น 12.00 น.- 20.00 น. คือช่วงทานอาหาร หลังจากนั้น 16 ชั่วโมงจะงดอาหารจนถึงเวลาถัดไป แต่การอดอาหารแบบ IF อาจจะไม่ได้เหมาะกับทุกคน แนะนำให้ปรึกษาแพทย์เพื่อการดูแลอย่างเหมาะสม อีกหนึ่งทางเลือกสำหรับคนที่ต้องการเสริมวิตามินที่ช่วยเรื่องระบบเผาผลาญโดยตรงต้อง IV Drip สูตร Weight Loss เพราะเป็นวิตามินสูตรเข้มข้นพิเศษที่ประกอบไปด้วยวิตามินและกรดอะมิโนช่วยให้ร่างกายเผาผลาญและนำพลังงานไปใช้ได้อย่างเหมาะสม เหมะสำหรับคนที่ต้องการเผาผลาญไขมันและลดน้ำหนัก ราคา 3,800 บาท/ครั้ง ปรึกษาแพทย์เพื่อออกแบบการตรวจที่เกี่ยวข้องกับระบบการเผาผลาญ และแนะนำการเสริมวิตามินที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพมากที่สุด โทร : 095-934-9640

  • ประจำเดือนขาดเพราะฮอร์โมนไม่สมดุล

    ฮอร์โมนที่มีความสำคัญต่อเพศหญิง คือ ฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน (Progesterone), ฮอร์โมน FSH (Follicle Stimulating Hormone) และฮอร์โมน LH (Luteinizing Hormone) ฮอร์โมนเพศนอกจากจะสำคัญความต้องการทางเพศ การสืบพันธุ์ ยังมีส่วนสำคัญอย่างมากทั้งทางอวัยวะภายใน เรื่องอารมณ์ความรู้สึก เช่น มีความสุข หรือเศร้าหมอง หรือด้านความคิดสร้างสรรค์ อาการฮอร์โมนเพศไม่สมดุลในเพศหญิง จะแสดงอาการให้เห็นเด่นชัด คือ ประจำเดือนมาไม่ปกติ โดยปกติแล้วรอบการมีประจำเดือนจะอยู่ที่ 21-35 วัน ซึ่งถ้าประจำเดือนของคุณห่างมากกว่านี้ ไม่มาหลายเดือน (หรือ 3 เดือนขึ้นไป) แสดงว่าร่างกายหลั่งฮอร์โมนเพศอย่างเอสโตรเจน หรือโปรเจสเตอเรน ออกมาน้อยหรือมากเกินไป ประจำเดือนขาด (Amenorrhea) คือ ภาวะที่เลือดประจำเดือนไหลออกมาไม่ปกติ เนื่องจากความผิดปกติของฮอร์โมน และภายในมดลูก ประจำเดือนขาดเป็นระยะเวลา 3 เดือน : ภาวะขาดประจำเดือน ประจำเดือนขาดไป 1 - 3 เดือน  : ภาวะประจำเดือนมาช้ากว่าปกติ การประจำเดือนขาด 4 วัน หรือประจำเดือนขาด 7 วัน จะเรียกว่าประจำเดือนเคลื่อน ซึ่งมักส่งผลในช่วงเวลาสั้นๆ อาจมีผลมาจากความเครียด การขาดสารอาหาร เป็นต้น นอกจากนี้แล้วฮอร์โมนผิดปกติยังส่งผลให้มีอาการอื่นๆร่วมด้วยกับประจำเดือนขาด ดังนี้ เป็นสิวเรื้อรัง ในวัยรุ่นและวัยผู้ใหญ่ : การมีสิวช่วงก่อนเป็นประจำเดือน หรือมีบ้างเป็นบางช่วงถือเป็นเรื่องปกติ แต่ถ้าหากเป็นอย่างต่อเนื่อง รักษาเท่าไหร่ก็ยังผุดขึ้นมาให้เห็น แสดงว่าปัญหาสิวนี้อาจเกิดจากฮอร์โมนเพศแอนโดรเจน ซึ่งเป็นฮอร์โมนเพศชายที่หลั่งออกมามากเกินไป ส่งผลให้ต่อมไขมันทำงานผิดปกติ ส่งผลกับเซลล์และผิวหนังรอบๆ รูขุมขน จนก่อให้เกิดการอุดตัน ปัญหาการการนอนหลับยาก นอนไม่หลับ : แม้จะเกิดจากพฤติกรรมประจำวันด้วยส่วนหนึ่ง แต่ส่วนที่ส่งผลเพิ่มขึ้น เกิดจากฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนไม่สมดุลที่สร้างจากรังไข่ แล้วหลั่งน้อยกว่าปกติ ทำให้เกิดอาการร้อนวูววาบระหว่างคืน กระทบคุณภาพการนอน สมองตื้อ สมองล้า คิดไม่ออก จำไม่ได้ : แม้ไม่ได้รับการยืนยันที่แน่ชัด แต่เอสโตรเจนส่งผลกระทบต่อสารสื่อประสาทในสมอง และฮอร์โมนยังเป็นส่วนที่เชื่อมต่อกันทั้งร่างกาย จึงอาจจะส่งผลกระทบต่อต่อมไทรอยด์ ต่อมใต้สมอง ซึ่งมักเกิดในวัยก่อนหมดประจำเดือน หรือหมดประจำเดือนแล้ว อารมณ์แปรปรวน : อารมณ์สวิง ขึ้นๆ ลงๆ อย่างรวดเร็ว ในเวลาอันสั้น หรือรู้สึกซึมเศร้า เกิดข้นได้จากฮอร์โมนเอสโตรเจนส่งผลต่อเนื่องไปยังสารเคมีในสมองที่ควบคุมอารมณ์ควบคุมอารมณ์ความรู้สึก อยากอาหาร น้ำหนักขึ้นผิดปกติ : การมีเอสโตรเจนต่ำ ส่งผลให้คุณอารมณ์ไม่ดี กระตุ้นในการอยากอาหาร และยังส่งผลกระทบต่อฮอร์โมนเลปติน ที่ควบคุมความหิว ความอิ่ม ความต้องการทางเพศลดลง : ฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนที่ต่ำกว่าปกติ ย่อมส่งผลให้ความต้องการทางเพศลดลงตาม ทำให้ยากต่อการมีบุตร หน้าอกเปลี่ยนแปลงไป : การมีเอสโตรเจนที่ต่ำลง ส่งผลต่อความหนาแน่นของเนื้อเยื่อทรวงอกลดลง จนทำให้รู้สึกเต้านมเหลว นิ่มขึ้น หรือหากฮอร์โมนสูงกว่าปกติ ก็จะส่งผลให้เต้านมคัดตึงหรือทำให้เกิดก้อนหรือซีสต์ที่เต้านมของคุณได้ อย่าชะล่าใจหากประจำเดือนขาด ตรวจเช็กฮอร์โมนเพื่อค้นหาสาเหตุของปัญหา หากคุณกำลังมีปัญหาประจำเดือนมาไม่ปกติ หรือประจำเดือนขาดหายไปทั้งที่ไม่ได้ตั้งครรภ์ และต้องการทราบถึงความผิดปกติว่าต้นเหตุเกิดจากอะไร เพราะฮอร์โมนหนึ่งตัว ส่งผลต่อฮอร์โมนอีกหลายๆตัว ตรวจระดับฮอร์โมนเป็นประจำทุกปี และเลือกรับการรักษาที่ปลอดภัย ไม่ใช้ยาเคมี Total Hormone Package ตรวจ 17 รายการ ราคา 17,190 บาท รวมวิตามินตามผลตรวจ 3,000 บาท Essential Hormone Package ตรวจ 9 รายการ ราคา 6,490 บาท แพกเกจตรวจสมดุลฮอร์โมน ประจำเดือนไม่มา เกิน 3 เดือน ปวดท้องประจำเดือน ประจำเดือนมามากผิดปกติ สาเหตุมาจากอะไร?

  • สาเหตุของภาวะซึมเศร้า

    ในปัจจุบันคนไทยจำนวนไม่น้อยที่ถูกพบว่าเป็นโรคซึมเศร้า จริงๆแล้วแทบทุกประเทศในโลกที่ต้องเผชิญปัญหาสุขภาพจิต  หากเรามองในมุมมองการแพทย์แผนปัจจุบัน จะพบว่า สาเหตุที่ทำให้เกิดโรคซึมเศร้า อาจเกิดจาก ความผิดปกติของเคมีในสมอง เนื่องจากเคมีหรือสารสื่อประสาทในสมองมีมากหรือน้อยจนเกินไปทำให้เกิดความไม่สมดุล โดยที่ผลของความผิดปกตินี้ ส่งผลต่อร่างกายแบบที่คุณไม่อาจควบคุมได้จนเกิดโศกนาฏกรรมได้ ทั้งการฆ่าตัวตาย การทำร้ายผู้อื่น หรืออาการคุ้มคลั่ง การส่งต่อทางพันธุกรรม พบว่าหากคนในครอบครัวเคยมีประวัติการเป็นโรคซึมเศร้าจะทำให้เรามีโอกาสในการเป็นมากกว่าคนทั่วไปถึง 20% เมื่อโดนกระตุ้นจากปัจจัยต่างๆ ความเครียดสะสม นับเป็นอีกหนึ่งสาเหตุสำคัญที่เข้าไปกระตุ้นให้กลายเป็นโรคซึมเศร้าได้ โดยเฉพาะเหตุการณ์ในเชิงลบที่กระทบถึงจิตใจ เช่น การสูญเสียคนในครอบครัวหรือคนที่รัก การหย่าร้าง การตกงาน ความเครียดทางด้านการเงิน หรือปัญหาสุขภาพที่เป็นผลพวงมาตั้งแต่โรคโควิด เป็นต้น ฮอร์โมนเพศหญิงสวิง เมื่อฮอร์โมนเพศหญิงมีความผิดปกติก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางด้านอารมณ์อย่างรวดเร็ว ซึ่งนำไปสู่การกระตุ้นให้เกิดภาวะซึมเศร้าแบบชั่วคราวได้ง่ายขึ้น เช่น ช่วงตั้งครรภ์ หลังคลอดบุตร วัยหมดประจำเดือน เป็นต้น ซึ่งต้องหมั่นสังเกตุตนเองเพื่อป้องกันซึมเศร้าเรื้อรังต่อเนื่อง การใช้ยาบางชนิด อย่างต่อเนื่อง เช่น ยานอนหลับ ยารักษาสิว ยาแก้อักเสบ ยาแก้ปวด รวมถึงผู้ที่ชอบดื่มแอลกอฮอล์ มักจะทำให้การทำงานของสมองส่วนหน้าผิดปกติ ยิ่งทำให้การควบคุมส่วนต่างๆของร่างกายถูกยากดประสาทเอาไว้ และมักจะมีผลข้างเคียงต่อสุขภาพอื่นๆอีกด้วย “หากมองในอีกมุม สาเหตุของโรคซึมเศร้า มักจะถูกเพาะหรือบ่มมา และใช้ระยะเวลานานกว่าจะแสดงให้เห็นอาการชัดเจน สาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะซึมเศร้าที่นักบำบัดพบเป็นส่วนใหญ่ มักเกิดจากปมที่ถูกเลี้ยงดูในวัยเด็ก” คุณชิดจันทร์ นัดบำบัด Bach Flower Remedies ประสบการณ์เป็นเชื้อเพลิง ที่ทำให้โรคซึมเศร้ากำเริบ ซึ่งนับตั้งแต่การเลี้ยงดูในวัยเด็ก เหตุการณ์ร้ายๆ หรือแผลที่อยู่ในใจมักจะทําให้ผู้คนรู้สึกด้อยค่าตัวเอง รู้สึกดีไม่พอ หรือคิดว่าตนเองเป็นคนที่โชคร้ายอยู่ตลอด เมื่อโตขึ้นแล้วเจอกับความผิดหวังเรื่องการงาน เรื่องความรัก เรื่องครอบครัว หรือช็อคกับเหตุการณ์บางอย่างก็ทำให้กลับไปจี้ปมในวัยเด็ก ผู้ที่มีสภาวะจิตใจเปราะบาง หรือรับมือไม่ไหวจะนําพาไปสู่การแยกตัวออกจากสังคม อยากอยู่คนเดียวไม่ยุ่งกับใคร จนกลายเป็นซึมเศร้าในที่สุด คนเป็นโรคซึมเศร้าส่วนใหญ่จะไม่มีเป้าหมายในชีวิต ไม่มีความหวัง ไม่รู้จะอยู่ไปเพื่อใคร ไม่มีอะไรที่อยากจะทําต่อ อาจผิดหวังหรือได้รับรับความทุกข์ทรมานใจจากเรื่องต่างๆ เช่น ผิดหวังจากความรัก โดนไล่ออก ไม่ได้เลื่อนขั้น หรือธุรกิจล้ม ความกดดันจากปัญหาต่างๆ อาจะทำให้จิตใจหดหู่ จนสูญเสียความมั่นใจไป บ่อยครั้งที่ความซึมเศร้าเกิดจากความผูกพันธ์ ปัญหาการสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก หรือแม้แต่สัตว์เลี้ยง ก็ยังเป็นผลให้เกิดอาการซึมเศร้าได้ หลายคนมีอาการ After Shock จากการสูญเสียคนรักแบบกระทันหัน เช่น อุบัติเหตุ หรือเหตุการณ์ไม่คาดคิด ก็จะนำพาความเจ็บปวดใจ และป่วยกายไปพร้อมๆกัน ดังนั้น ควรสร้างคุณค่าให้กับตัวเอง หรือมีเป้าหมายในการมีชีวิตต่อ โดยลองเริ่มจากเป้าหมายเล็กๆ ที่ทำได้ง่าย เช่น การเลี้ยงสัตว์ เพราะแค่รู้ว่าจะต้องกลับบ้านไปให้อาหารสัตว์เลี้ยงก็ถือเป็นสิ่งจูงใจที่ทําให้เขาอยากมีชีวิตอยู่ต่อได้ การอ่านหนังสือให้จบสักเล่ม วางแผนเที่ยวพักผ่อนธรรมชาติ ปีละ 2 ครั้ง งดแอลกอฮอล์ (อาจจะกำหนดเป็นทุกวันศุกร์) ฝึกยิ้มกับตัวเองทุกเช้า ออกกำลังกายยามว่าง ดูหนังหรือดูซีรี่ย์แนวตลก สดใสไม่ตึงเครียด ปลูกต้นไม้ คนเป็นโรคซึมเศร้าจะไม่สามารถจัดการกับอารมณ์ของตนเองได้ เวลามีปัญหามักจะมองไม่เห็นทางออก และจะคอยโทษตัวเองเป็นหลัก การกลับมาดูแลจิตใจตนเอง จึงเป็น Health Trend ที่คนให้ความสนใจเป็นอย่างมาก ทั้งการรักษาแบบทางเลือก การใช้ศิลปะบำบัด การฝึกหรือเจริญสติ รวมถึงการออกกำลังกายอย่างเหมาะสมก็มีส่วนช่วยให้เกิด Brain Detoxification หรือเคลียร์ขยะในสมองออก ทั้งยังเป็นการเพิ่มสารแห่งความสุขให้กับร่างกายอีกด้วย สัญญาณเตือนโรคซึมเศร้าที่ควรเฝ้าระวัง สังเกตตัวเอง และคนใกล้ชิด ก่อนที่โรคซึมเศร้าจะรุนแรง ด้านอารมณ์ เช่น เศร้าหมอง ท้อแท้ ไม่มีความสุข ไม่รู้สึกสนุกกับสิ่งที่ทําประจํา เบื่อทุกสิ่งรอบข้าง อารมณ์หงุดหงิดง่ายขึ้น ด้านความจํา เช่น ไม่สามารถจดจ่อกับสิ่งที่ทําอยู่ได้ หลงลืมบ่อย ทํางานผิดๆถูกๆ ด้านร่างกาย เช่น อ่อนเพลีย เบื่ออาหารกินได้น้อยลงหรือกินอาหารมากขึ้น นอนไม่หลับหรือนอนมากกว่าปกติ ไม่มีเรี่ยวแรง เหนื่อยง่าย ด้านสังคม เช่น ไม่อยากยุ่งกับใคร เริ่มเก็บตัวอยากอยู่คนเดียว ด้านความคิด เช่น เริ่มมองสิ่งต่างๆในแง่ลบมากกว่าความเป็นจริง รู้สึกไม่อยากมีชีวิต อยากฆ่าตัวตาย (ซึ่งมักจะเป็นกับผู้ป่วยโรคซึมเศร้าขั้นรุงแรง) ปรับสมดุลทางจิตใจทางเลือกสำหรับผู้ป่วยโรคซึมเศร้า ทางเลือกสำหรับผู้ป่วยโรคซึมเศร้า หรือมีภาวะเครียดสะสม หรือ Mood Swing 💐Bach Flower ศาสตร์แห่งการปรับสมดุลทางจิต ช่วยเสริมสร้าง Mental Health ให้คืนความสมดุล เหมาะสําหรับผู้ที่มีภาวะความเครียดสะสม โรคซึมเศร้า โรควิตกกังวล โรคแพนิค ผู้ที่เผชิญกับเหตุการณ์ที่รุนแรงในอดีตจนเป็นแผลฝังใจ ทั้งยังช่วยลดอาการฉุนเฉียวโมโห อารมณ์ไม่นิ่งได้อีกด้วย หากท่านใดมีความสนใจสามารถเข้ามาปรึกษากับนักบําบัด คุณจันทร์ ชิดจันทร์ นวลแพง Bach Flower Registered Practitioner จากสถาบัน Bach Flower Centre ประเทศอังกฤษ ได้ทุกวันศุกร์ เวลา 10:00-15:00 น. ที่ Thrive Wellness Clinic จองคิวตอนนี้ Line : @thrivewellnessth หรือโทร : 095-934-9640 ทำไมต้องคุยกับนักจิตบำบัด หรือจิตแพทย์ สรุป สัมมนา Bach Flower Remedies Smiling Depression รอยยิ้มที่เป็นหน้ากากของความเศร้า

  • ทำไมต้องคุยกับนักจิตบำบัด หรือจิตแพทย์

    โรคทางอารมณ์ แทบจะกลายเป็นเรื่องแรกปะปนอยู่กับความเจ็บป่วยในปัจจุบัน อาจจะเพราะสภาวะทางเศรษฐกิจ สังคม ที่ส่งเสริมให้อาการผิดปกติทางอารมณ์พบมากขึ้น และพบมากขึ้นในผู้ที่อายุน้อยลง วัยเด็ก - สมาธิสั้น เด็กติดจอ เด็กไม่ได้ใช้เวลากลางแจ้งเพื่อเคลื่อนไหวร่างกายมากนัก วัยเรียน - ภาวะเครียด กดดัน การแข่งขันในการสอบแข่งขัน วัยทำงาน - ความเครียดจากสิ่งแวดแล้วที่เปลี่ยนไป สังคมเรียน >> สังคมทำงาน ทำให้เกิด Culture Shock ในการปรับตัวกับสภาพแวดล้อมใหม่ วัยที่มีครอบครัว มีลูก - ภาระหน้าที่ ความรับผิดชอบ ทำให้เกิดความกดดันสูง และความเครียด ผู้ที่เข้าสู่วัยหมดประจำเดือน หรือ Menopause (ทั้ง ชาย และหญิง) การดูแลตนเองและผู้ที่มีโรคทางอารมณ์ หรือสภาวะทางจิตใจที่ไม่ปกติ มีหลากหลายวิธี เช่น พบจิตแพทย์ พบนักบำบัด พบแพทย์แผนปัจจุบัน ซึ่งขั้นตอน และการดูรักษาเคส อาจมีความแต่งต่างกันบ้าง นักบำบัด หรือ Therapist หมายถึง ผู้ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน เฉพาะทาง (Specialized) นักบำบัดจะสามารถช่วยเหลือฟื้นฟูด้าน Mental Health ได้ เนื่องจากได้รับการรับรองจากหน่วยงาน หรือสถาบัน หรือมีหลักสูตรการเรียนรู้รองรับ และ/หรือต้องมีการฝึกฝน (Practice) ซึ่งมีหลากหลายแขนง เช่น นักศิลปะบำบัด (Arts Therapist), นักกิจกรรมบำบัด (Occupational Therapist), นักดนตรีบำบัด (Music Therapist),นักจิตบำบัด (Psychotherapist) เช่น นักบำบัดด้วย Bach Flower Remedies คุณสมบัติพิเศษ ที่นักบำบัดมี ก็คือการรับฟัง หรือการเปิดใจฟัง ซึ่งจะช่วยให้ผู้ที่อยู่ในภาวะอารมณ์ไม่มั่นคง สามารถแสดงความรู็สึก หรือเปิดเผยความรู้สึกออกมาได้อย่างปลอดภัย ซึ่งจะเป็นอีกวิธีการที่ช่วยฟื้นฟูด้านอารมณ์ได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้ อาจะต้องใช้ระยะเวลาในการเข้าร่วม หรือปรับด้วย Bach Flower Remedies ซึ่งสามารถดูแลควบคู่กับจิตแพทย์ ซึ่งแพทย์มีหน้าที่รักษาโรคทางจิตเวช (Psychiatric disorders) โรคทางระบบประสาท (Neurology) และโรคประสาทจิตเวช Neuropsychiatry) ในปัจจุบัน มีผู้ที่สนใจการฟื้นฟูจิตใจ แบบทางเลือก หรือเลือกพูดคุยกับนักบำบัดมากขึ้น เพราะเป็นการช่วยให้ค้นพบตัวตน และยอมรับรู้สึกของตัวเอง และเกิดการแก้ไข หลายๆท่านต้องการที่จะลดยาจิตเวช ยาความเครียด หรือยาซึมเศร้า การพบนักบำบัดก็ถือเป็นอีกตัวเลือกที่ปลอดภัย บทความโดย ผานิต อร่ามกุล Thrive Wellness Clinic มีบักบำบัด Bach Flower Therapist  คุณจันทร์ ชิดจันทร์ นวลแพง Bach Flower Registered Practitioner จากประเทศอังกฤษ ซึ่งนักบำบัดนั้นจะต้องเรียนรู้ในการรับฟัง และใช้ Bach Flower Remedies ร่วมในกระบวนการปรับสมดุลจิตใจ 🩺ปรึกษา กับนักบำบัด Bach Flower Consultation พร้อมรับ Personalized Bach Flower Remedies 3,500 บาท Personalized Bach Flower Remedies 2,900 บาท Private Consultation 45 นาที 1,500 บาท

  • ความลับของเหล่าเซเลป ผิวสวยเพราะการนอนหลับที่ดี

    การนอนหลับไม่เพียงพอนอกจากส่งผลเสียต่อร่างกาย ยังส่งผลร้ายต่อผิวพรรณอีกด้วย เมื่อเรามีเวลานอนน้อย นอนไม่หลับ นอนดึก จะทำให้ร่างกายโทรม ผิวพรรณเสื่อมลง การสร้างคอลลาเจนลดลง จนทำให้ผิวดูแก่เกินวัย มีริ้วรอย ผิวหมองคล้ำ ดูไม่สดใสนั่นเอง นอนหลับพักผ่อนเต็มที่ส่งผลดีต่อผิวอย่างไร ลดความหมองคล้ำของใบหน้าและบริเวณใต้ตา ใต้ตาเป็นจุดแรกที่บอกถึงความเสื่อมโทรมของผิว เพราะเป็นจุดที่บอบบาง เมื่อนอนน้อยใต้ตาจะช้ำ คล้ำดำ และบวม การนอนหลับจะไปส่งเสริมการไหลเวียนของเลือด และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน อย่างเหมาะสม เป็นช่วงเวลาในการซ่อมแซมต่อมหมวกไตต้นเหตุแห่งความอ่อนเพลีย ทำให้ดวงตา และผิวหน้าสดใสเปล่งปลั่ง สิวและผดผื่นลดลง เพราะสิวและผดผื่น หรือผิวหน้ามีความสาก ไม่เรียบลื่น เกิดจากระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายทำงานได้ไม่ดีพอ จนง่ายต่อการอักเสบ ดังนั้นการพักผ่อนจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของระบบภูมิคุ้นกันให้ทำงานได้ดีมากขึ้น Skin Barrier หรือ เกราะป้องกันผิวดีขึ้น เป็นการคุ้มกันผิวจากการเกิดสิวตั้งแต่ต้นเหตุ ผิวพรรณเปล่งปลั่ง ในขณะที่เรานอนหลับร่างกายจะหลั่งโกรทฮอร์โมน (Growth Hormone) ออกมาเพื่อซ่อมแซมและฟื้นฟูเซลล์ทั่วร่างกาย และผิวหน้า  ทำให้ผิวแข็งแรง ไม่โทรม ไม่หมองคล้ำ ผิวพรรณดูเปล่งปลั่งสดใส ดังนั้นจึงไม่ควรนอนดึกจนเกินไป หรืออดนอน เพราะ Growth Hormone จะหลั่งออกมาช่วง 22:00 - 24:00 หากพลาดช่วงเวลานี้แล้วก็อาจทำให้ได้รับการฟื้นฟูไม่เต็มที่ กฎข้อแรกของการดูแลผิว จึงหนีไม่พ้น การนอนให้เพียงพอ และเข้านอนเร็ว  อย่าลืมทานอาหารให้ครบ 5 หมู่และเลือกทานให้หลากหลาย ออกกำลังเป็นประจำแบบไม่หักโหม และเสริมวิตามินเพื่อช่วยบำรุงผิว อีกหนึ่งตัวช่วยสำหรับคนที่ต้องการดูแลผิวแบบเร่งด่วน ทวงคืนผิวใสด้วย IV Drip สูตร Luminous Skin เพราะเป็นวิตามินดริปสูตรผิวที่ "𝘈𝘭𝘭 𝘵𝘩𝘦 𝘵𝘪𝘮𝘦 𝘉𝘦𝘴𝘵 𝘚𝘦𝘭𝘭𝘦𝘳" มีวิตามินที่ช่วยบำรุง ดูแลผิว ให้ผิวแข็งแรง สว่างกระจ่างใส เปล่งปลั่งมีออร่า เพิ่มสารต้านอนุมูลอิสระทำให้ร่างกายสดชื่น ทำไมต้อง Luminous Skin ✨ช่วยปรับเม็ดสีผิวให้จากขาวอมเหลืองเป็นขาวอมชมพู ✨สีผิวเรียบเนียนสม่ำเสมอ ✨ให้ความชุ่มชื้น ผิวนุ่มลื่น ✨ช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ผิว และริ้วรอย ✨ช่วยขจัดสารพิษ เพิ่มการดูดซึมวิตามินPackage IV Drip Luminous Skin 10 Times ราคา 38,000 บาท แถมฟรี 3 ครั้ง มูลค่า 11,400 บาท 5 Times ราคา 19,000 บาท แถมฟรี 1 ครั้ง มูลค่า 3,800 บาท Vitamin IV Drip ทวงคืนผิวใสได้ด้วย Luminous Skin อวดผิวสวยอย่างมั่นใจ รวมเทคนิกดูแลผิวห้ามพลาด

  • โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง หรือ NCDs คืออะไร

    NCDs หรือ Non-Communicable Diseases หรือกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง เป็นโรคที่ไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อโรค และไม่สามารถแพร่กระจายไปสู่ผู้อื่นได้ ส่วนใหญ่แล้วโรคในกลุ่มนี้เกิดจากพฤติกรรมการใช้ชีวิต นิสัย ความชอบ ทั้งการรับประทานอาหาร การดื่ม การสูบบุหรี่ หรือแม้แต่ความขี้เกียจที่จะออกกำลังกาย จะมีการดำเนินโรคอย่างช้าๆ สะสมทีละนิด ไปเรื่อยๆในแต่ละวัน  และเกิดจากปัจจัยๆหลายๆอย่างรวมกัน หากไม่ได้รับการตรวจสุขภาพเป็นประจำมักจะไม่ทราบ จนโรคมีความรุนแรงมากขึ้น และกลายเป็นโรคเรื้อรังในที่สุด กลุ่มโรค NCDs ที่พบมากสำหรับคนไทย มีอะไรบ้าง โรคเบาหวาน ภาวะที่ร่างกายมีน้ำตาลสะสมในเลือดสูง มีการดื้อต่อฮอร์โมนอินซูลินที่ผลิตจากตับอ่อน ที่ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด มักเกิดจากร่างกายได้รับน้ำตาลสะสมในเลือดสูงและต่อเนื่อง ซึ่งมาจาก Lifestyle การทานอาหารรสจัด ทั้ง หวาน เค็ม เผ็ด หรือแม้กระทั่งซอสปรุงรสที่มีน้ำตาลแฝงอยู่ในระดับสูง โรคหลอดเลือดหัวใจและสมอง เกิดจากความเสื่อมของผนังหลอดเลือดแดง ที่นำพาเลือดเข้าสู่กล้ามเนื้อหัวใจ การมีไขมันอุดตันในหลอดเลือด เมื่อเลือดไหลเวียนไม่สะดวก ก็นำพาออกซิเจนไปเลี้ยงหัวใจและสมองไม่ได้ มักเกิดจาก Lifestyle คนเมือง ที่ทานอาหาร Fast Food อาหารที่มีรสชาติมัน หรือไขมันสูง อาหารรสจัด และขาดการออกกำลังอย่างเหมาะสม พบมากในผู้ที่มีแนวโน้มน้ำหนักเกินเกณฑ์มาตรฐานหรือมีภาวะอ้วน โรคถุงลมโป่งพอง ภาวะที่ถุงลมในปอดขยายตัวมากกว่าปกติ ปอดมีพื้นที่น้อยลง ทำให้การหายใจไม่สะดวก อาจะเกิดจากการได้รับมลพิษผ่านการสูดดมเข้าไป ไม่ว่าจะเป็น PM2.5, ควันพิษจากท่าไอเสีย ควันบุหรี่ ควันจากเตาหิ้งย่าง หรือกระทั่งฝุ่นพิษจากภัยธรรมชาติ เช่น ไฟป่า จึงเป็นโรคที่แฝงมากับการขยายตัวของเมืองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เลย โรคมะเร็ง เกิดจากความผิดปกติของเซลล์ในร่างกายของอวัยวะต่างๆ การเจริญเติบโตที่ผิดปกติเป็นก้อนเนื้อที่กระจายไปยังส่วนต่างๆ แม้เราจะเข้าใจว่าส่วนมากจะมีความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งที่เกิดจากการถ่ายทอดทางพันธุกรรม แต่พฤติกรรมต่างๆหากที่ เป็นตัวกระตุ้นการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง ไม่ว่าจะเป็น การสูบบุหรี่ การทำงานหักโหม ความเครียดสะสม การดื่มแอลกอฮอร์ หรือแม้กระทั่งการรับประทานอาหารแปรรูปเป็นประจำ ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้ ส่งเสริมให้ร่างกายเราเหมาะกับมะเร็งยิ่งขึ้น โรคความดันโลหิตสูง คือมีความดันในหลอดเลือดแดงสูง ทำให้หัวใจทำงานหนักขึ้น ในการบีบตัวเพื่อสูบฉีดเลือด มักตรวจไม่พบสาเหตุแน่ชัด แต่มักแฝงไปด้วยภาวะโรคแทรกซ้อนอื่นๆ ตามมา เช่น โรคไต เบาหวาน หลอดเลือดแดงตีบ หลอดเลือดไตตีบ เสี่ยงเกิดเนื้องอกบบริเวณต่อมใต้สมองและต่อมหมวกไต เส้นเลือดในสมองอุดตัน ไตวายเรื้อรัง พฤติกรรมก็ส่งผล เช่น การอดนอนหรือนอนไม่หลับ การดื่มแอลกอฮอร์ หรือดื่มเครื่องดื่มที่กระตุ้นการทำงานของหัวใจ หรือการขาดการออกกำลัง โรคอ้วนลงพุง คือการมีไขมันเกาะรอบบริเวณเอวมาก รวมถึงไขมันที่สะสมในช่องท้อง และกระจายเกาะพอกอวัยวะภายในที่เรามักมองไม่เห็น มาจากกระบวนการเผาผลาญที่ผิดปกติ จนเกิดการสะสมของไขมันบริเวณช่องท้องและรอบเอวจำนวนมากจนเกินไป อีกทั้งยังทำให้เสี่ยงเกิดโรคเบาหวาน ไขมันในเลือดผิดปกติ โรคไตเรื้อรัง อีกด้วย มักพบในผู้ที่ชอบรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง มีการขยับเขยื่อยร่างกายน้อย เช่น นั่งทำงานในออฟฟิต และโดยเฉพาะผู้ที่ชอบรับประทานอาหารมื้อดึก พฤติกรรมเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรค NCDs ทานหวานจัด เค็มจัด และอาหารที่มีไขมันสูง ดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ สูบบุหรี่ ไม่ออกกำลังกาย พักผ่อนไม่เพียงพอ มีภาวะเครียดสะสม ทานยาบางชนิดโดยไม่ปรึกษาแพทย์ เช่น ยาแก้ปวด ยาชุด ยาสมุนไพร ยาลูกกลอน ดังนั้นวิธีลดความเสี่ยงเกิดโรค NCDs คือการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้สมดุล Work life balance พฤติกรรมเสี่ยงต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น การรับประทานอาหารรสจัด ไขมันสูง การทำงานไม่พักผ่อน ความเครียดสะสม ขาดการพักผ่อน ต้องปรับเสียใหม่ หากเราใช้ชีวิตอย่างระมัดระวัง ไม่ละเลยการดูแลสุขภาพ ความเสี่ยงในการเกิดโรคในกลุ่มนี้ก็จะลดน้อยลง และที่สำคัญควรตรวจสุขภาพประจะปีอย่างสม่ำเสมอเพราะจะทำให้เราได้ติดตามการเปลี่ยนแปลงของร่างกายในแต่ละปี เพื่อป้องโรคต่างๆที่อาจเกิดขึ้น เมื่อตรวจพบได้ไวจะทำให้สามารถรักษาได้ทันท่วงที Thrive Wellness Center ยกระดับการดูแลสุขภาพขั้นสูงสุด แบบครบทุกด้านกับแพคเกจ Thrive Iconic Balance การตรวจสุขภาพเชิงลึก ที่ครอบคลุม เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการดูแลสุขภาพ เพื่อให้ห่างไกลจากโรคร้าย โดยเฉพาะโรคที่มาจากพฤติกรรมการใช้ชีวิต ตรวจระดับวิตามินและสารอาหาร 20 รายการ ตรวจระดับการอักเสบ 5 รายการ ได้แก่ ความเสี่ยงโรคหลอดเลือดหัวใจ ระดับการอักเสบของตับ ระดับการอักเสบของร่างกาย ระดับกรดยูริก ระดับธาตุเหล็กสะสม ตรวจสารพิษโลหะหนัก 4 รายการ ได้แก่ ระดับสารตะกั่ว สารปรอท สารหนู อะลูมิเนียม ตรวจระดับฮอร์โมน 12 รายการ ได้แก่ ไทรอยด์ฮอร์โมน 3 รายการ, ฮอร์โมนต่อมหมวกไต 2 รายการ, ฮอร์โมนเจริญเติบโต 2 รายการ, ฮอร์โมนเพศ 5 รายการ ตรวจค่าเคมีในเลือด 19 รายการ เช่น ความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด ระดับน้ำตาลในเลือด ระดับน้ำตาลสะสม ระดับการทำงานของไต ระดับการทำงานของตับ เป็นต้น ตรวจระดับสารบ่งชี้มะเร็ง 5 รายการ ได้แก่ มะเร็งตับ มะเร็งลำไส้ มะเร็งเต้านม มะเร็งรังไข่ มะเร็งปากมดลูก 🩺Thrive Iconic Balance ราคา 49,900 บาท รวมวิตามิน จัดเฉพาะบุคคลตามผลเลือด 1 เดือน มูลค่า 6,000 บาท รวม Consulting with Anti-Aging Doctor 1 ชั่วโมง THRIVE ICONIC BALANCE ตรวจสุขภาพเชิงลึก เบาความหวาน ลดความเสี่ยงเบาหวาน

  • บ้านหมุน โรคต้องระวังของผู้สูงวัย

    ผู้คนจำนวนไม่น้อยในปัจจุบันมักชอบมีอาการเวียนหัวจนบ้านหมุน ทั้งๆที่อยู่เฉยๆ และถูกพบมากที่สุดในกลุ่มผู้สูงอายุ หากบ้านไหนมีผู้สูงอายุลูกหลานควรดูแลอย่างใกล้ชิด และไม่ควรชะล่าใจเมื่อท่านมีอาการเหล่านี้ขึ้นมา เพราะอาจเกิดอุบัติเหตุหรือมันอาจเป็นสัญญาณเตือนถึงโรคที่ร้ายแรงอยู่ก็เป็นได้ อาการบ้านหมุน คืออะไร อาการบ้านหมุน เกิดจากความผิดปกติของอวัยวะภายในหูชั้นในซึ่งทำหน้าที่ควบคุมความสมดุลของการทรงตัว โดยส่วนใหญ่จะรู้สึกเหมือนบ้านหรือสิ่งที่เห็นตรงหน้าหมุนแบบเฉียบพลัน สำหรับบางคนอาจมีอาการรุนแรงถึงขั้นคลื่นไส้อาเจียน ส่วนใหญ่จะเกิดกับผู้สูงอายุและมีความอันตรายสูง สาเหตุของอาการบ้านหมุนในผู้สูงอายุ โรคทางระบบหู เช่น โรคน้ำในหูไม่เท่ากัน โรคหินปูนในหูชั้นในหลุด ก้อนเนื้องอกในหู เส้นประสาทในหูอักเสบ เป็นต้น โรคทางระบบประสาทและสมอง เช่น โรคเส้นเลือดในสมองตีบทั้งแบบชั่วคราวและถาวร โรคพาร์กินสัน โรคไมเกรนบางแบบ ปัญหาของอวัยวะบริเวณลำคอ เช่น โรคกระดูกต้นคอเสื่อม โรคเส้นเลือดที่คอตีบหรือการมีคราบไขมันเกาะบริเวณหลอดเลือดที่คอ ทำให้เวลาหันศีรษะเร็วๆ จะทำให้เกิดการอุดกั้นของหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงสมองชั่วคราวจนเกิดอาการเวียนศีรษะขึ้นมาได้ ซึ่งเป็นสาเหตุที่พบบ่อยมากในผู้สูงอายุ ผลข้างเคียงจากการใช้ยาบางประเภท เช่น ยาลดความดัน ยาขับปัสสาวะ ยากันชัก ยาปรับอัตราการเต้นของหัวใจ ยาแก้แพ้ ยาฆ่าเชื้อ ยานอนหลับ และยาทางจิตเวช เป็นต้น โรคทางตา เช่น ต้อกระจก ต้อหิน จอประสาทตาเสื่อม วิธีป้องกันอาการบ้านหมุนเบื้องต้น ท่าบริหารง่ายๆ ที่จะช่วยป้องกันอาการบ้านหมุนในผู้สูงวัย (งดทำในช่วงที่มีอาการบ้านหมุน หรือต้องได้รับคำแนะนำจากแพทย์อย่างเพื่อการดูแลสำหรับแต่ละเคสอย่างเหมาะสม) โดยแต่ละท่าให้เคลื่อนไหวช้าๆ และอาจมีผู้ที่คอยช่วยแนะนำท่าอยู่ใกล้ๆ การบริหารศีรษะ ก้มศีรษะไปข้างหน้าแล้วแหงนไปข้างหลัง โดยทำอย่างช้า ๆ ขณะลืมตา แล้วค่อยเพิ่มเร็วขึ้น ทั้งหมด 20 ครั้ง การบริหารสายตา มองขึ้นบนแล้วมองลงล่าง ทำช้า ๆ แล้วค่อยเพิ่มเร็วขึ้น จำนวน 20 ครั้ง กลอกตาจากซ้ายไปขวา ก็ทำเช่นเดียวกัน การบริหารท่านั่ง ยกไหล่ขึ้นลง 20 ครั้ง ขณะที่นั่งอยู่ การบริหารการเคลื่อนไหว ใช้อุปกรณ์เสริม คือ ลูกบอลยาง โดยโยนลูกบอลยางจากมือหนึ่งไปยังอีกมือหนึ่ง โยนให้สูงเหนือระดับตา ทำอย่างน้อย 10 ครั้ง อาการบ้านหมุนพบมากในผู้ที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป ดังนั้น การตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปี เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่จะช่วยป้องกันและคัดกรองโรคได้เร็วยิ่งขึ้น  สำหรับผู้สูงอายุ มีแนวโนมที่จะขาดวิตามินและแร่ธาตุมากกว่าวัยหนุ่มสาว จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องเสริมวิตามินและแร่ธาตุให้เพียงพอ ไม่มากหรือน้อยเกินไป โดนการตรวจวิตามินและแร่ธาตุ ปัจจุบันมีทั้งตรวจจากเลือด และการตรวจด้วยเครื่องมือ Oligoscan test ที่มีความแม่นยำสูง หากต้องการรักษาในรูปแบบทางเลือกสามารถนัดหมายเพื่อ Consult ปัญหาสุขภาพ กับแพทย์เฉพาะทางด้าน Anti-Aging ดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน เพื่อการดูแลและฟื้นฟูสุขภาพอย่างเหมาะสมเฉพาะบุคคลปรึกษาแพทย์เรื่องการดูแลสุขภาพผู้สูงวัย โทร. 095-934-9640 อายุมากขึ้นไม่ได้แปลว่าแก่ ถ้าคุณมี ACTIVE LIFESTYLE หน้ามืด วูบบ่อยอันตรายกว่าที่คิด อาการบ้านหมุน เพราะหลอดเลือดคุณกำลังอุดตันอยู่หรือเปล่า? การตรวจสุขภาพเชิงลึก

bottom of page