1 นาที

แก้ปัญหาชวนปวดตับ ด้วย Liver Detox พร้อมลดเสี่ยงการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ 5 ชนิด

อัพเดตเมื่อ: 31 มี.ค. 2022

ไวรัสตับอักเสบ คืออะไร?

ไวรัสตับอักเสบ เอ

ไวรัสตับอักเสบ บี

ไวรัสตับอักเสบ ซี

ไวรัสตับอักเสบ ดี

ไวรัสตับอักเสบ อี

พฤติกรรมเสี่ยงปวดตับ

วิธีป้องกันการเกิดโรคตับอักเสบ

ปวดตับ คำพูดหยอกๆ ที่มีอยู่จริง และคุณอาจจะกำลังเผชิญกับโรคตับ หรือตับอักเสบอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว เพราะพฤติกรรมในชีวิตที่ทั้งดื่มแอลกอฮอล์ มีน้ำหนักตัวมาก ไม่ออกกำลังกาย การเจาะหู สัก หรือแม้แต่จากแปรงสีฟัน

ตับ อวัยวะที่มีหน้าที่สำคัญในการผลิตพลังงานและสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายและยังเป็นส่วนสำคัญต่อระบบการเผาผลาญของเสีย กำจัดผ่านทางน้ำดีลงสู่ลำไส้จากนั้นก็ปนไปกับอุจจาระออกมาจากร่างกาย

ลองจินตนาการดูว่า หากคุณตับพัง กู้คืนไม่ทันการ มีของเสีย สิ่งแปลกปลอมที่เป็นอันตรายในร่างกายคั่งค้างอยู่ภายใน ของเสียที่ถูกสะสมอยู่เรื่อยๆ ไม่ถูกกำจัด ส่งผลให้เราป่วยได้อย่างง่ายๆ จนคุณเป็น ‘ไวรัสตับอักเสบ’ อีกหนึ่งโรคยอดฮิตของคนไทยกว่า 1 ล้านคน

แก้ปัญหาชวนปวดตับ ด้วย Liver Detox พร้อมลดเสี่ยงการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ 5 ชนิด

ไวรัสตับอักเสบ คืออะไร?

เมื่อตับอ่อนแอ ส่งผลให้ไวรัสเข้าสู่เซลล์ตับจนก่อให้เกิดภาวะตับอักเสบ ซึ่งไวรัสตับอักเสบมีด้วยกันหลายชนิด ไธรฟ์ เวลเนส คลินิก พาคุณทำความรู้จักถึงอาการ สาเหตุและทางแก้ของแต่ละชนิดกันค่ะ

ไวรัสตับอักเสบเกิดขึ้นได้อย่างไร

ไวรัสตับอักเสบ เอ

  • เกิดจากการปนเปื้อนเชื้อไวรัส Hepatitis A ผ่านทาง ผัก ผลไม้ น้ำดื่ม

  • มีระยะฟักตัวก่อนแสดงอาการ 2-6 สัปดาห์ ซึ่งโดยเฉลี่ยประมาณ 4 สัปดาห์

  • ผู้ใหญ่จะมีอาการชัดเจนมากกว่าเด็ก

  • เชื้อจะถูกขับออกผ่านทางอุจจาระ แต่ต้องสำหรับผู้ที่ป่วยในระยะ 2 สัปดาห์ก่อนมีอาการ

  • เชื้อมีความทนทานต่อสภาพแวดล้อมได้นาน จึงมักพบการระบาดในชุมชนแออัด โรงเรียน หอพัก ค่ายทหาร

  • สามารถเป็นแล้วหายเป็นปกติได้ ไม่เป็นพาหะ ไม่เป็นเรื้อรัง เพราะร่างกายมีภูมิคุ้มกันแล้ว

  • ปัจจุบันมีวัคซีนป้องกันแล้ว

  • อาการ อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร ดีซ่าน เป็นไข้ตัวร้อน คลื่นไส้ อาเจียน แน่นบริเวณชายโครงด้านขวา ท้องร่วง อุจจาระสีซีด ปัสสาวะสีเข้ม

ไวรัสตับอักเสบ บี

  • เป็นโรคติดต่อที่เกิดการติดเชื้อผ่านทางเลือดหรือของเหลวในร่างกาย

  • โรคที่คนมักเป็นมากที่สุดในบรรดาไวรัสตับอักเสบชนิดอื่น และประมาณร้อยละ 8-10 ของประชากรทั่วโลกมีพาหะชนิดนี้

  • รับเชื้อผ่านทางการมีเพศสัมพันธ์, ทารกคลอดจากมารดาที่เป็นพาหะ, ผู้ที่ใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน, ผู้ที่เจาะหู ฝังเข็ม สัก ที่ไม่สะอาด, ใช้ใบมีดโกน แปรงสีฟันร่วมกัน, ทางผิวหนังที่มีบาดแผล, สัมผัสใกล้ชิดกับคนที่เป็นพาหะ

  • ระยะการฟักตัวประมาณ 30-180 วัน

  • ส่งผลในระยะยาวทำให้เกิดภาวะตับแข็ง มะเร็งตับ

  • อาการ เบื่ออาหาร มีไข้ต่ำๆ อ่อนเพลีย คลื่นไส้อาเจียน ตาเหลือง ตัวเหลือง ปัสสาวะเหลืองเข้ม

  • รับประทานถั่วลิสง ถั่วป่น พริกป่น ที่มีสารอะฟลาท็อกซิน เชื้อราที่มักพบในธัญพืช ช่วยเพิ่มความเสี่ยง

  • หากมีภูมิคุ้มกันที่สูง การเป็นไวรัสตับอักเสบ บี สามารถหายได้เองได้ และคงเหลือเป็นพาหะเท่านั้น ไม่มีอาการแต่สามารถแพร่เชื้อแก่ผู้อื่นต่อไปได้

ไวรัสตับอักเสบ ซี

  • ติดต่อผ่านทางเลือดและน้ำเหลือง

  • การใช้เข็มฉีดยาร่วมกับผู้ติดยาเสพติด หรือจากแม่สู่ลูก

  • อาจติดผ่านการมีเพศสัมพันธ์ได้

  • ส่งผลต่อเนื่องให้เกิดภาวะตับอักเสบเรื้อรัง เกิดพังผืดในตับจนก่อให้เกิดตับแข็ง

  • ทราบได้จากการตรวจค่าเลือดเท่านั้น

  • ไม่มีวัคซีนป้องกัน

  • ปัจจุบันสามารถรักษาให้หายขาดได้

ไวรัสตับอักเสบ ดี

  • เป็นไวรัสที่พ่วงติดมากับกลุ่มไวรัสตับอักเสบ บี

  • พบในกลุ่มผู้ที่ติดยาเสพติดแบบฉีดเข้าเส้น

  • เป็นโรคชนิดรุนแรง แต่พบเจอได้น้อย

  • ติดต่อได้จากเลือดของผู้ที่ติดเชื้อโดยตรง และผู้ที่เป็นไวรัสตับอักเสบ บี อยู่ก่อนแล้ว

  • ไม่สามารถแพร่กระจายเชื้อได้ หากไม่มีไวรัสอักเสบ บี ในร่างกาย

  • มักพบในกลุ่มชาวยุโรปมากกว่าเอเชีย

  • วิธีการรักษาและอาการคล้ายคลึงกับ กลุ่มไวรัสตับอักเสบ บี

ไวรัสตับอักเสบ อี

  • ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบชนิดอี (Hepatitis E Virus : HEV)

  • ติดเชื้อปนเปื้อนผ่านทางน้ำดื่ม การกิน อาหารที่มีการติดเชื้อกับอุจจาระปะปน

  • พบมากในโซนเอเชีย ตะวันออกกลาง อเมริกากลาง แอฟริกา ที่มีการจัดการน้ำดื่มที่ไม่ดี

  • มีอาการตัวเหลือง ตาเหลือง คล้ายกับไวรัสตับอักเสบชนิด เอ

  • พบเชื้อได้ในสัตว์ เช่น หมู กวาง เป็นต้น หรือเนื้อสัตว์ที่บริโภคแบบสุกๆ ดิบๆ

พฤติกรรมใดบ้างเสี่ยงปวดตับ

พฤติกรรมเสี่ยงปวดตับ

  • ดื่มแอลกอฮอล์ : นอกจากการบริโภคแอลกอฮอล์เป็นประจำจะส่งผลให้เกิดอาการตับแข็งแล้ว ภาวะการติดเชื้อจากไวรัสก็มีส่วนร่วมด้วยเช่นเดียวกัน ปริมาณแอลกอฮอล์ที่ส่งผลให้การทำงานของตับไม่มีประสิทธิภาพ ย่อยสลายอย่างไม่สมบูรณ์ส่งผลให้เซลล์ตับอักเสบไม่สามารถซ่อมแซมตัวเองได้

  • พันธุกรรม : แน่นอนว่าการได้รับพันธุกรรมบางชนิดที่ไม่สมบูรณ์ส่งผลให้ตับบกพร่อง กำจัดของเสียได้ไม่ดี จึงต้องระวังในพฤติกรรมการกิน ใช้ชีวิตอย่างเคร่งครัด

  • อาหารที่มีสารก่อมะเร็ง : อาหารปิ้ง ย่าง ไหม้เกรียม

  • อาหารสุกๆ ดิบๆ

  • อาหารที่ปะสมดินปะสิวที่ถนอมสีอาหาร ใส่ในอาหารหมักดองเช่น ปลาร้า หมูแหนม เป็นต้น

  • สูบบุหรี่

  • ทานยาเกินขนาด ต้มสมุนไพรบางชนิด ส่งผลให้ตับทำงานหนักและก่อสารพิษในตับ

วิธีป้องกันการเกิดโรคตับอักเสบ

สาเหตุการเกิดภาวะโรคตับอักเสบ หรือไวรับตับอักเสบชนิดต่างๆ มักเกิดจากพฤติกรรมการรับประทานอาหารที่เป็นอันตรายแก่ร่างกาย แต่พฤติกรรมเหล่านั้นก็ยากที่จะห้ามใจทั้งเมนูหมูกระทะ ปิ้งย่าง หรือการจะปฏิเสธการชวนดื่มจากเพื่อนฝูงในบางครั้งก็คงทำได้ยากยิ่ง และตับของคุณเองก็เสื่อมสภาพตามอายุที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ การขจัดของเสียหรือสิ่งแปลกปลอมที่ร่างกายไม่ต้องการถูกลดประสิทธิภาพลง

ไธรฟ์ เวลเนส คลินิก

แนะนำการดูแลและรักษาสุขภาพให้คุณหายปวดตับจากพฤติกรรมเสี่ยง

ที่คุณไม่สามารถปรับเปลี่ยนได้ทันทีผ่าน IV Drip Liver Detox

เติมวิตามินเน้นสุขภาพ เพิ่มภูมิคุ้มกันให้สูงขึ้น พร้อมขจัดสารพิษในร่างกายอนุมูลอิสระ

และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของตับอย่างสมบูรณ์


    0