MESO FAT
WHAT IS MESO FAT ?
Meso Fat (เมโสแฟต) คือ เทคนิคการผลักวิตามินเข้าสู่ชั้นไขมัน เพื่อประโยชน์ในการลดกระชับสัดส่วนให้ได้รูปตามต้องการ เป็นวิธีการลดไขมันและลดเซลลูไลต์เฉพาะที่ แบบไม่ใช้วิธีการผ่าตัด เป็นวิธีที่แพทย์ใช้การฉีดตัวยาในกลุ่มของ Phosphatidylcholine, Deoxycholate, Dexpanthenol, L-carnitine, Amino acid หรือ Minerals สารเหล่านี้เป็นสารสกัดจากถั่วเหลืองหรือไข่แดงและวิตามินอีกหลายชนิด โดยจะฉีดเข้าสู่ผิวหนังเข้าไปยังบริเวณที่มีการสะสมของไขมัน เมโสแฟต เป็นวิธีที่ถือว่ามีความปลอดภัยมาก เพราะเป็นสารสกัดจากธรรมชาติ สลายออกจากร่างกายได้ดี ดังนั้นจึงหมดห่วงเรื่องของอาการแพ้
เมื่อฉีดสารสำคัญเข้าไปในจุดที่ต้องการลดไขมันแล้ว สารนี้จะช่วยขัดขวางการสะสมของไขมันและทำให้ไขมันเหล่านี้สลายตัว ช่วยการกระตุ้นให้ไขมันสะสมถูกปล่อยออกมา ช่วยให้เลือดและระบบต่อมน้ำเหลืองไหลเวียนสะดวกยิ่งขึ้น เนื้อเยื่อบริเวณรอบๆ มีความแข็งแรงและกระชับขึ้น รวมทั้งยังไม่ต้องกังวลว่าไขมันที่โดนสลายจะไหลไป ตามบริเวณข้างเคียง หรือทำให้ผิวหนังแข็งเป็นก้อน เนื่องจากไขมันจะแตกตัวจนสลาย ออกเป็นไขมันเหลว แล้วถูกขับออกทางปัสสาวะ (ส่วนมาก) และทางอุจจาระ
ในปัจจุบันนี้ ได้มีการพัฒนาตัวยาฉีดสลายไขมัน สำหรับทำเมโสแฟตให้สะดวก และทันสมัยยิ่งขึ้น ได้ผลมากขึ้น เร็วขึ้น และผลข้างเคียง เรื่อง การฟกช้ำหลังฉีดน้อยลง ใช้เวลาในการทำน้อยลง เพียง 2 อาทิตย์ต่อครั้ง ทำให้การทำ Carboxytherapy อาจจะเป็นทางเลือกหลังๆ เพราะเจ็บกว่า ใช้เวลาทำนานกว่า และต้องทำบ่อยกว่าคือ อาทิตย์ละ 1-2 ครั้ง
ตำแหน่งที่นิยมทำการสลายไขมันด้วยวิธีเมโสแฟต ได้แก่
-
ลดไขมันที่แก้มให้หน้าเรียวเล็ก
-
ลดไขมันที่คาง (เหนียง)
-
ลดไขมันที่ต้นขา ต้นแขน
-
ลดไขมันที่พุง หน้าท้อง
-
ลดไขมันที่จมูก (บาน) ทำให้เล็กลง
-
ลดไขมันที่หนังตาบนหย่อนคล้อย
-
ลดไขมันที่น่อง
1.อายุน้อยกว่า 18 ปี
2.สตรีมีครรภ์ หรือภาวะให้นมบุตร
3.คนไข้โรคเบาหวานที่ต้องฉีดอินซูลินเป็นประจำ
4.คนไข้ที่มีประวัติโรคระบบหลอดเลือดผิดปกติในสมอง เช่น เส้นเลือดสมองตีบ หรืออุดตัน
5.คนไข้ที่มีประวัติโรคหัวใจ และทำการรักษาด้วยยาหลายขนาน
6.คนไข้ที่มีโรคติดเชื้อ หรือคนไข้ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง
แพทย์ผสมยาและการฉีดน้ำยาสลายไขมันในปริมาณสารที่ฉีด 0.2-0.5 ซีซี ฉีดลึกไปประมาณ 5-10 มม. ในบริเวณที่ต้องการลดไขมันในแต่ละจุด โดยแต่ละจุดห่างกันประมาณอย่างน้อย 2 ซม. และมีการฉีดซ้ำทุก ๆ 5-7 วัน หลังจากฉีดสลายไขมันเข้าที่บริเวณผิวหนังแล้ว โดยธรรมชาติไขมันจะเริ่มหดตัว หรือเริ่มลดจำนวนเซลล์ไขมันลง ประมาณ 10-20% ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ และไขมันจะสลายตัวประมาณ 50-80% เมื่อทำครบคอร์ส ในบางรายอาจทำให้ขนาดแก้มในช่วง 1-2 สัปดาห์แรก จะดูใหญ่กว่าที่ต้องการได้ เนื่องจากคนไข้บางรายมีการแตกตัวของไขมันได้ช้า แต่หลังจากนั้นเมื่อน้ำยาทำการสลายไขมันให้เริ่มแตกตัวได้ แก้มจะค่อย ๆ ยุบตัวเรื่อย ๆ จนกระทั่งได้แก้มที่พอดีตามต้องการ
อาการหลังฉีดยาสลายไขมันเมโสแฟต หากมีความเป็นกังวลเรื่องแผล ก็ไม่ต้องกังวลเลย เพราะแผลจะมีขนาดเล็กมาก ตามรอยเข็มเล็ก ๆ ที่ฉีดเท่านั้น ส่วนบริเวณที่รับการฉีดสลายไขมัน อาจมีรอบเขียวช้ำบ้าง หากโดนเส้นเลือดฝอยเล็ก ๆ ซึ่งบริเวณที่ฉีดสลายไขมัน อาจมีอาการบวมน้ำยาเป็นเวลาประมาณ 2-4 ชั่วโมงเท่านั้น เมื่อหายบวมน้ำยาแล้ว
จะไม่มีรอยเปลี่ยนแปลง ผิวหนังจะยุบเอง ไม่เป็นคลื่น หรือไม่เป็นรอยบุ๋มของผิวให้ต้องหงุดหงิดหัวใจ
1. ควรดื่มน้ำวันละอย่างน้อย 2 ลิตร เพราะไขมันเหลวที่โดนสลายด้วยการฉีดสลายไขมันจะถูกขับออกทางปัสสาวะเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นการดื่มน้ำมาก ๆ จะช่วยขับไขมันส่วนเกินที่สลายให้ออกจากร่างกายได้มากขึ้น
2. ควรเดินออกกำลังกายเบา ๆ หลังทำ เช่น การเดินเร็ว โยคะ แอโรบิก อย่างน้อยวันละ 30-45 นาที อาทิตย์ละ 2-3 ครั้ง เพื่อให้กล้ามเนื้อกระชับและรีดไขมันให้ออกจากร่างกายเร็วขึ้น ลดการสะสมของไขมันใหม่ ออกกำลังกายเบา ๆ ควบคุมอาหาร
3. เปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหาร เพื่อควบคุมน้ำหนักและไขมันส่วนเกินไม่ให้กลับมาสะสมได้อีก เพราะการสลายไขมันด้วยการฉีดยาไร้ประโยชน์ ถ้าไม่ปรับพฤติกรรมการรับประทานอาหาร และมีวินัยในการควบคุมน้ำหนักให้มากขึ้น
4. ช่วงที่เว้นการฉีดยาสลายไขมัน แนะนำให้ทำ RF เพื่อช่วยรีดไขมันออกจากร่างกายเร็วขึ้น และทำให้กล้ามเนื้อกระชับได้มากขึ้น ลดการหย่อนคล้อยหลังฉีด นอกจากนี้อาจจะเสริมด้วยการฉีดสลายไขมันด้วยเครื่อง Slimming Machine และการอบสลายไขมันด้วยตู้อินฟาเรด
5. อาจจะพบอาการบวมซ้ำ หรืออาการเจ็บปวดบ้างเล็กน้อย ขณะที่ทำและหลังทำ 1-3 วัน ดังนั้นควรเลียงการ เข้าอบซาวน่า การนวด การดื่มแอลกอฮอล์ หรือการทำทรีตเมนต์ใด ๆ หลังทำประมาณ 1 อาทิตย์ เพื่อลดการฟกซ้ำให้น้อยลง