คลิกเลือกอ่านเนื้อหาที่สนใจ
...
ซึมเศร้า หงุดหงิดง่าย นอนไม่หลับ ขี้หลงขี้ลืม เป็นสิวเรื้อรัง ท้องผูกบ่อย ภูมิคุ้มกันอ่อนแอ ปัญหาทางสุขภาพที่เกิดขึ้นได้จากเชื้อจุลินทรีย์ไม่สมดุลในลำไส้ เช่น เชื้อรา แบคทีเรีย ยีสต์
ไธรฟ์ เวลเนส คลินิก ชวนทำความเข้าใจ เรื่องลำไส้ และเชื้อจุลินทรีย์ส่งผลอย่างไรต่อระบบภูมิคุ้มกัน ไปจนถึงสารเคมีในสมอง
ทำความรู้จัก ความสำคัญของลำไส้
ลำไส้ คือ หน่วยสำคัญที่ช่วยในการย่อยและดูดซึมอาหาร ดังนั้นจึงเป็นด่านแรกที่ช่วยให้อวัยวะอื่นๆ ได้รับสารอาหารเพื่อสร้างกลไกในร่างกาย ไม่เพียงแค่นั้น ระบบประสาท ยังเกิดกระบวนการทำงานขึ้นภายในลำไส้ได้อีกด้วย ยกตัวอย่างเช่น เมื่อคุณเกิดความเครียด คุณจะไม่รู้สึกอยากอาหาร หรืออาจอยากอาหารมากกว่าปกติ เกิดความเสี่ยงเป็นโรคเครียดลงกระเพาะ โรคอ้วน นั่นเป็นเพราะภายในลำไส้ มีผลต่อการสร้างสารสื่อประสาท serotonin, Dopamine, ฮอร์โมน Cortisol, DHEA เป็นต้น นอกจากนั้นเซลล์ของผนังลำไส้ ยังช่วยการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน เพราะเป็นด่านแรกที่คอยกำจัดเชื้อโรค เชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา ออกจากร่างกายผ่านการขับถ่าย ป้องกันไม่ให้ร่างกายดูดซึมสารพิษไปยังอวัยวะอื่นๆ
รู้หรือไม่? Serotonin สารแห่งความสุข ที่กว่า 80% ถูกสร้างขึ้นจากลำไส้
และกว่า 70% ของระบบภูมิคุ้มกันที่ดีก็เกิดจากสุขภาพลำไส้ที่ดีเช่นกัน
จุลินทรีย์ส่งผลต่อลำไส้อย่างไรบ้าง?
ทำไมระบบภูมิคุ้มกันที่สำคัญกว่า 70% ถึงอยู่ภายในลำไส้? นั่นเป็นเพราะลำไส้เป็นที่อยู่อาศัยของเซลล์เม็ดเลือดขาวที่สำคัญ อย่าง NK CELL (Natural Killer Cell) คอยกำจัดเซลล์มะเร็ง เซลล์ที่ติดเชื้อไวรัส คอยยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อโรค ไวรัส แบคทีเรีย ยีสต์ ที่เป็นต้นเหตุของอาการป่วย
เชื้อโรคเหล่านี้เข้าสู่ร่างกายได้ผ่านพฤติกรรมการรับประทานอาหาร พฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่น รับประทานอาหารฟาสต์ฟู้ด อาหารรสจัด ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ชา กาแฟ สูบบุหรี่ ความเครียด นอนหลับน้อยกว่า 6-8 ชั่วโมง/วัน รับประทานยาปฏิชีวะนะ เป็นต้น ทำให้ NK Cell ถูกทำลาย รวมไปถึงจุลินทรีย์ดี อย่างโพรไบโอติกส์ ที่มีส่วนช่วยเพิ่มจำนวนจุลินทรีย์ดีชนิดอื่นๆ ช่วยรักษาสมดุลในลำไส้ ลดจำนวนจุลินทรีย์ร้าย นอกจากนี้ โพรไบโอติกส์ ยังส่งผลต่อการหลั่งสาร Serotonin (สารแห่งการสร้างความสุข ความเศร้า) ในร่างกายให้เพิ่มขึ้น ช่วยให้สุขภาพจิตคุณดีตามไปด้วย
ลำไส้และสมองส่งผลถึงกันได้
เพราะเมื่อจุลินทรีย์ Probiotic มีอยู่จำนวนมาก ก็ยิ่งเพิ่มการหลั่งของ
สารสื่อประสาทตามไปด้วย เสริมสร้าง Mental Health ของคุณให้ดีขึ้น
ดูแลสุขภาพลำไส้ เพิ่มจุลินทรีย์ได้อย่างไรบ้าง
รับประทานอาหารครบ 5 หมู่ เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารอย่างครบถ้วน ทั้งวิตามินและแร่ธาตุ ที่จำเป็นต่อระบบภูมิคุ้มกัน ระบบขับถ่าย ระบบประสาทและสมอง เช่นจาก ผักใบเขียว ผักและผลไม้สีส้ม สีเหลือง เช่น ส้ม แครอท ฟักทอง เป็นต้น ที่อุดมไปด้วย Vitamin C, Vitamin B, Vitamin E, Vitamin D, Zinc, Fiber
ดื่มน้ำในปริมาณที่ร่างกายต่อวัน ประมาณ 2-3 ลิตร/วัน เพื่อช่วยการทำงานของกลไกในร่างกาย
งดหรือลดปริมาณอาหารประเภทของมัน ของทอด เบเกอร์รี่ น้ำหวาน ที่มีส่วนผสมน้ำตาลสูง รวมไปถึงสารให้ความหวานแทนน้ำตาล เพราะส่งผลต่อการทำงานของจุลินทรีย์ในลำไส้ และยังทำให้ร่างกายเกิดการอักเสบ เป็นผลให้กลไกในร่างกายทำให้ผิดเพี้ยน
ขับถ่ายเป็นเวลา เพื่อป้องกันการสะสมของสารพิษในร่างกายที่ต้องถูกขับออกจากร่างกาย และควรขับถ่ายเป็นประจำทุกวัน เพื่อลดการตกค้างและดูดซึมของสารพิษ
พักผ่อนอย่างเพียงพอ อย่างน้อย 6-8 ชั่วโมง/วัน เพราะกระบวนการฟื้นฟูทางร่างกายรวมไปถึงสารเคมีในสมองจะทำงานเมื่อคุณหลับสนิท
ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อย 3-5 วัน/สัปดาห์ อย่างน้อย 30-60 นาที เพื่อเสริมสร้างกระบวนการทางร่างกายให้ทำงานอย่างเป็นระบบ
หมั่นตรวจเช็กสุขภาพลำไส้ ประจำปี เพื่อลดความเสี่ยงการเกิดโรคร้ายที่อาจรักษาไม่ทัน และยังช่วยวางแผนการรักษาได้อย่างตรงจุด
วิธีรักษาปัญหาลำไส้ แก้เท่าไหร่ก็ไม่ดีขึ้น
Thrive Wellness Clinic แนะนำตรวจสมดุลลำไส้ เพื่อหาเชื้อรา แบคทีเรีย ยีสต์ในลำไส้ ที่ตรวจพบได้ยาก ผ่านการตรวจเชิงลึก Urine Organic Test ให้ลำไส้ทำงานอย่างสมดุล ลดปัญหาเรื่องการขับถ่าย การย่อยอาหารที่ผิดปกติ รวมไปถึงระบบประสาทที่ทำงานผิดเพี้ยนไป ส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำ Mental Health ร่วมกับการตรวจ IgG ภูมิแพ้อาหารแฝง ที่ส่งผลเสียต่อการทำงานของลำไส้ อาการภูมิแพ้ และการตรวจระดับฮอร์โมนในร่างกายทำงานผิดเพี้ยน ที่อาจเกิดจากความเครียด ฮอร์โมนเพศแปรปรวน ผ่านแพ็กเกจ Hormone Check up
พร้อมวิธีการรักษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ด้าน Anti-aging ที่เน้นการรักษาผ่านการปรับสมดุลลำไส้ สมดุลฮอร์โมน เน้นเสริมสร้างระดับวิตามินและแร่ธาตุในร่างกายด้วย IV Drip Vitamin สูตรที่ออกแบบเพื่อการรักษาเฉพาะบุคคล เหมาะกับผู้ที่มีปัยหาเรื่องลำไส้ ภูมิแพ้ นอนไม่หลับ ปวดเมื่อย ลดความเสี่ยงจากการใช้ยาเคมี ที่อาจไปยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ในร่างกายและส่งผลกระทบต่อตับ
