
RT-PCR
ข้อมูลเบื้องต้น COVID-19
โควิดไนน์ทีน (COVID-19) เป็นเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ส่งผลต่อระบบทางเดินหายใจ ทำให้ปอดบวมหรือปอดอักเสบ หากรับการรักษาไม่ทันเวลา อาจมีอาการรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้
เนื่องจาก COVID-19 ยังไม่มีวิธีรักษาที่เฉพาะเจาะจง จึงมักเน้นไปที่การรักษาตามอาการ และให้ยาต้านไวรัสหลายตัวร่วมกัน รวมถึงการตรวจคัดกรองที่จะทำให้รับการรักษาได้ทันท่วงที
อาการบ่งชี้ของการติดเชื้อ
เมื่อรับเชื้อแล้วจะแสดงอาการภายใน 2-14 วัน ขึ้นอยู่กับร่างกายของแต่ละคน โดยอาการที่แสดงออกมีดังนี้
-
มีไข้ รู้สึกหนาว
-
ไอแห้ง เจ็บคอ และเป็นมากขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป
-
อ่อนเพลีย หรือปวดเมื่อยตัว
-
เจ็บหน้าอก
-
หายใจเร็ว หายใจถี่ หายใจลำบาก หอบเหนื่อย
-
ท้องเสีย
-
สูญเสียความสามารถในการดมกลิ่นและรับรส
อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า ผู้ที่ได้รับการติดเชื้อบางรายอาจไม่แสดงอาการใดๆ แต่สามารถแพร่เชื้อไปยังบุคคลอื่นได้
การตรวจหาสารพันธุกรรมของเชื้อ (RT-PCR) เป็นวิธีที่ WHO หรือ องค์การอนามัยโลกแนะนำ เก็บตัวอย่างโดยใช้ก้านพลาสติกปลายนุ่มป้ายเยื่อบุในคอและเนื้อเยื่อหลังโพรงจมูก หากพบว่าเชื้อลงไปในปอดก็จะนำเสมหะในปอดออกมาตรวจด้วย
การตรวจวิธีนี้จะทำในห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ที่ได้รับมาตรฐานเท่านั้น เพราะต้องระวังการปนเปื้อนจากสิ่งแวดล้อม
ข้อดี
-
สามารถตรวจจับเชื้อไวรัสในปริมาณน้อยได้
-
เหมาะสำหรับการตรวจวินิจฉัยตั้งแต่ระยะแรกของการเกิดโรค และใช้ติดตามผลการรักษาได้
ความแตกต่างระหว่างวิธี RT-PCR และ Antigen Test Kit
การตรวจ RT-PCR (Polymerase chain reaction) เป็นการ Swab เก็บตัวอย่างเชื้อบริเวณลำคอ และหลังโพรงจมูก (เช่นเดียวกันกับตรวจ Antigen) แต่จะทราบผลใน 1-2 วัน เนื่องจากต้องมีการวัดผลผ่านห้องปฏิบัติการ
เป็นการตรวจที่มีความถูกต้องแม่นยำ
เป็นการตรวจที่แนะนำจาก WHO เนื่องจากสามารถตรวจหาเชื้อในปริมาณน้อยได้
สำหรับ Rapid Antigen Test เป็นการตรวจที่สะดวกและใช้ระยะเวลาน้อยกว่าในการวินิจฉัย เป็นการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ในระดับเบื้องต้น หากผลออกมาเป็นบวก (พบเชื้อโควิด-19) ต้องตรวจ RT-PCR เพื่อยืนยันอีกครั้งเพื่อเข้ารับการรักษา

