- Thrive Wellness
Adrenal Fatigue หรือ ภาวะต่อมหมวกไตล้า
ภาวะต่อมหมวกไตล้า เป็นอาการผิดปกติของร่างกายอย่างหนึ่งที่มีความเครียดเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดอาการ โดยมากมักจะถูกมองข้ามไป เป็นโรคร้ายที่ถูกลืม ทำให้การรักษาภาวะต่อมหมวกไตล้าโดยส่วนมากเกิดขึ้นช้า อีกส่วนหนึ่งเป็นเพราะเป็นแค่อาการที่แสดงให้เห็นก่อนจะเกิดโรคเท่านั้น ยังไม่มีโรคหรือสิ่งร้ายแรงอะไร จึงทำให้หลาย ๆ คนไม่ได้ทำความเข้าใจและไม่รู้จัก แต่อาการของภาวะนี้จะส่งผลให้คุณภาพชีวิตลดลง เหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย ไม่แข็งแรง ไม่มีแรง ทำงานได้ไม่มีประสิทธิภาพ และทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนต่าง ๆ ตามมา การตรวจวินิจฉัยภาวะนี้ ต้องตรวจเลือดเพื่อวัดระดับ
ฮอร์โมน 2 ตัว ซึ่งเป็นฮอร์โมนความเครียด คือ คอร์ติซอล (Cortisol) และ ดีเอชอีเอ (Dyhydroepiandrosterone-DHEA) ซึ่งการตรวจสุขภาพทั่วไปอาจไม่ครอบคลุมฮอร์โมน 2 ตัวนี้

ต่อมหมวกไต (Adrenal Gland) เป็นอวัยวะรูปสามเหลี่ยมเล็ก ๆ ที่หุ้มอยู่บริเวณขั้วไตทั้งสองข้าง โดยเป็นอวัยวะอันหนึ่งที่สำคัญของร่างกาย มีหน้าที่สร้างฮอร์โมนที่สำคัญหลายชนิดในร่างกาย เช่น
- ฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) เป็นฮอร์โมนที่ร่างกายสร้างขึ้นมาเพื่อต่อสู้กับความเครียดโดยปกติแล้วร่างกายจะสร้างฮอร์โมนนี้ขึ้นมามากในตอนเช้า เพื่อทำให้ร่างกายตื่นตัวพร้อมที่จะรับมือกับปัญหาที่จะเกิดขึ้นมาในระหว่างวัน โดยฮอร์โมนคอร์ติซอล หรือ ฮอร์โมนแห่งความเครียดนี้
จะช่วยเพิ่มระดับน้ำตาลในกระแสเลือด
- ฮอร์โมนดีเฮชอีเอ (DHEA, Dehydroepiandosterone)
เป็นฮอร์โมนตั้งต้นที่จะเปลี่ยนแปลงไปเป็นฮอร์โมนเพศทั้งหญิงและชายต่อไป (Pre-sex
hormones) เช่น เอสโตรเจน, โปรเจสเตอโรน, เทสโทสเตอโรน โดยมีหน้าที่กระตุ้นการสร้างกล้ามเนื้อ ลดไขมัน กระตุ้นภูมิคุ้มกัน และทำให้ร่างกายรู้สึกกระฉับกระเฉง มีพลัง และ DHEA เป็นฮอร์โมนต้านความเครียด ช่วยเพิ่มความสดชื่น กระปรี้กระเปร่าให้กับร่างกาย (Boost energy)
เพิ่มความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อ (Muscle building) ชะลอการเกิดริ้วรอยก่อนวัย
(Premature skin aging) และกระตุ้นความรู้สึกทางเพศ (Sexual drive)
- ฮอร์โมนอัลโดสเตอโรน (Aldosterone) เป็นฮอร์โมนที่ช่วยควบคุมสมดุลของแร่ธาตุโซเดียม และโปแตสเซียม ซึ่งช่วยในการควบคุมของเหลวในร่างกาย ความเครียดส่งผลอย่างไรกับต่อมหมวกไต
เนื่องจากต่อมหมวกไตเป็นอวัยวะที่ผลิตฮอร์โมนที่ช่วยขจัดและต่อสู้กับความเครียด เพื่อให้ร่างกายเกิดภาวะสมดุล แต่ถ้าร่างกายมีความเครียดอย่างต่อเนื่อง หรือออกกำลังกายเกินพอดี จนต้องผลิตฮอร์โมนคอร์ติซอลออกมาเพื่อจัดการความเครียดจะส่งผลทำให้ร่างกายเสื่อมและแก่เร็ว ถ้าร่างกายมีการหลั่งคอร์ติซอลออกมาอย่างต่อเนื่องหรือมากเกินไปอาจจะทำให้เกิดภาวะต่อมหมวกไตล้าได้
โดยนอกจากความเครียดทางจิตใจแล้วความเครียดทางร่างกายอาจจะส่งผลให้เกิดภาวะต่อมหมวกไตล้าได้เช่นกัน ความเครียดทางร่างกายอาจเกิดจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น การนอนดึก การไม่รับประทานอาหารเช้าเป็นประจำ การรับประทานของหวานหรือน้ำตาลมากเกินไป
บุคคลที่อาจเกิดภาวะต่อมหมวกไตล้า ส่วนมากมีอาการ อย่างน้อย 5
ข้อตามรายการด้านล่าง
• ขี้เกียจตื่นนอนตอนเช้า
• อ่อนเพลีย ไม่มีแรง อยากงีบหลับ ช่วงกลางวัน
• ง่วงแต่นอนไม่หลับ
• มีอาการวิงเวียน ศีรษะ หน้ามืด เวลาเปลี่ยนท่าทาง (ลุก-นั่ง)
• อยากของหวาน, ของเค็ม
• ปัสสาวะบ่อยผิดปกติ
• ปวดประจำเดือนบ่อย
• เป็นภูมิแพ้กำเริบบ่อยๆ
• ท้องอืด อาหารไม่ย่อย
• ท้องผูก
• เครียด ซึมเศร้า
• คุมอาหาร ออกกำลังกายเป็นประจำแต่น้ำหนักไม่ลดลง
• รู้สึกดีขึ้นทันทีเมื่อได้กินน้ำตาล
• ผิวแห้งและแพ้ง่าย

คำแนะนำสำหรับบุคลคนที่มีภาวะต่อมหมวกไตล้า
• นอนหลับให้เพียงพออย่างน้อย 6 ชัวโมง ควรเข้านอนก่อน 5 ทุ่ม
• รับประทานอาหารเช้า ก่อน 10.00 น. (Cortisol
จะทำงานดีขึ้นเมื่อมีน้ำตาลในเลือดเพียงพอ แต่หลัง 10.00 น. ระดับCortisol จะลดลง
ทำให้ยิ่งอ่อนเพลีย)
• รับประทานมื้อเล็กๆและบ่อย ๆ แทนการทานอาหารมื้อหลัก ๆ เพียง1-2 มื้อ
• ออกกำลังกายแบบหนักปานกลาง (Moderate intensity exercise)
การออกกำลังกายที่หนักเกินไปจะส่งผลให้ต่อมหมวกไตล้ามากยิ่งขึ้น
• หาวิธีคลายความเครียด เช่น หางานอดิเรกทำ เดินทางไปเที่ยว
• อาหารเสริมและสมุนไพรบางชนิดสามารถช่วยลดอาการต่อมหมวกไตล้าได้ เช่น
Ashwaghandha (โสมอินเดีย) L-theanine (สารสกัดจากชาเขียว) Phosphatidylserine
(สารสกัดจากถั่วเหลือง) วิตามิน C วิตามิน B3 วิตามิน B5 วิตามิน B6
โดยปกติการรักษาภาวะต่อมหมวกไตล้า ให้ฮอร์โมนต่างๆกลบมาสู่ภาวะสมดุล อาจใช้เวลาในการรักษาประมาณ 2-3 เดือน หรือมากกว่านั้น ขึ้นอยู่กับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน ไม่ให้เกิดความเครียดทั้งทางร่างกายและจิตใจ ก็จะส่งเสริมให้การรักษามีประสิทธิภาพขึ้น และไม่ต้องกลับเข้าสู่ภาวะต่อมหมวกไตล้าได้อีก