เมื่อเราเข้าสู่ภาวะความเครียด ร่างกายของเราก็จะเกิดความผิดปกติในการทำงาน ทำให้ร่างกายทำงานด้อยประสิทธิภาพลง ซึ่งอาจจะสังเกตให้เห็นได้ตั้งแต่อาการเพียงเล็กน้อย จนถึงอาการที่หนักหนา ยิ่งความเครียดสะสมเพิ่มมากขึ้นเรือยๆ ก็ยิ่งส่งผลต่อร่างกายมากขึ้นดังนี้
โรคหัวใจขาดเลือด ความเครียดมีผลต่อหัวใจและหลอดเลือดหัวใจ ทำให้เกิดความผิดปกติของระบบประสาท ส่งผลทำให้หัวใจขาดเลือดและเร่งให้เกิดการทำลายชั้นเซลล์ของผนังหลอดเลือดแดงเร็วมากยิ่งขึ้น
ความดันโลหิตสูง จากการศึกษาพบว่า ผู้ที่มีความวิตกกังวลอยู่เป็นประจำมีโอกาสเกิดความดันโลหิตสูงมากกว่าคนปกติถึง 2 เท่า นอกจากนี้ผู้ที่มีภาวะความเครียดจากงานซึ่งมีผลมาจากทีทำงานหนักจนเกินไป จนทำให้ความดันโลหิตสูงและหัวใจช่องซ้ายโตผิดปกติ
ไมเกรน ความเครียดส่งผลให้สารซีโรโทนินในสมองพร่องไป การขาดซีโรโทนินจะทำให้หลอดเลือดขยายตัวและหดตัวมากกว่าปกติ จึงทำให้เกิดอาการปวดหัวไมเกรนได้
อาการปวดกล้ามเนื้อและนอนไม่หลับ เมื่อเราเริ่มรู้สึกวิตกกังวล กล้ามเนื้อส่วนต่างๆ ของร่างกายจะเริ่มตึงเครียดด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะกลุ่มกล้ามเนื้อที่มีขนาดใหญ่ ซึ่งถ้าหากเกิดความเครียดเรื้อรังก็อาจส่งผลทำให้เกิดอาการปวดหัว ไหล่แข็งและปวดคอ นอกจากนี้ผู้ที่มีความเครียดเรื้อรังก็มีความเสี่ยงที่จะเกิดความผิดปกติอย่างเรื้อรังของกล้ามเนื้อได้ รวมไปถึงกระตุ้นวงจรการนอนหลับให้ผิดปกติอีกด้วย
โรคแผลในกระเพาะอาหาร อาการท้องผูก อาหารไม่ย่อย หรือภาวะเครียดลงกระเพาะ อาการเหล่านี้เป็นผลกระทบมาจากความเครียด ซึ่งอาจส่งผลร้ายแรงในระยะยาวต่อระบบลำไส้ได้ ทำให้การดูดซึมและการย่อยอาหารไม่ดีเท่าที่ควร เป็นสาเหตุภาวะลำไส้แปรปรวน และสุดท้ายก็ทำให้กระเพาะอาหารเป็นแผล
ภาวะหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ ความเครียดฉับพลันมีผลอย่างมากต่อเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจ ซึ่งจะทำให้เกิดภาวะหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ และในผู้ป่วยที่เป็นโรคหลอดเลือดหัวใจอยู่ก่อนแล้วมีโอกาสหัวใจวายสูงกว่าคนอื่น
โรคเบาหวาน ในผู้ป่วยโรคเบาหวานพบว่า ปัจจัยด้านจิตใจมีผลต่อการควบคุมระดับน้ำตาล เพราะเมื่อเราเกิดความเครียดจะส่งผลต่อฮอร์โมนในร่างกาย ทำให้ฮอร์โมนในร่างกายทำงานผิดปกติ ทำให้ไม่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลในร่างกายได้
โรคหอบหืด ความวิตกกังวลจะเป็นตัวกระตุ้นให้อาการหอบหืดทรุดหนักไปอีก เนื่องจากผู้ป่วยมีประสบการณ์หายใจไม่ออกรุนแรงซ้ำๆ เมื่อเกิดความเครียดวิตกกังวลว่าจะหายใจไม่ออกจึงเป็นการกระตุ้นอาการโรคขึ้นมาอีก
โรคผิวหนังอักเสบ ความเครียดทำให้เราเหงื่อออกได้แม้จะอยู่ในอากาศที่เย็นก็ตาม นอกจากนี้ยังส่งผลให้แก้มของเราแดงระเรื่ออีกด้วย เพราะฉะนั้นอย่าเพิ่งคิดว่าคนที่หน้าแดงนั้นเป็นเพราะเขาเขินนะ แต่อาจจะเป็นเพราะเขากำลังเครียดอยู่ก็ได้ ซึ่งอาการเหล่านี้เกิดจากระบบไหลเวียนของเลือดที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้เลือดถูกผลักดันไปที่กล้ามเนื้อมากจนเกินไป และถ้าหากเกิดความเครียดเรื้อรังก็จะส่งผลทำให้ผิวพรรณหมองคล้ำและแก่ก่อนวัยได้ นอกจากนี้ การศึกษาของศูนย์การแพทย์แห่งมหาวิทยาลัยแมรีแลนด์ยังพบอีกว่า ความเครียดและความวิตกกังวลอาจนำมาสู่โรคผิวหนังอักเสบได้อีกด้วย
ภูมิแพ้ ความเครียดจะไปกดระบบภูมิคุ้มกันโดยผ่านฮอร์โมนชนิดหนึ่ง ในขณะเดียวกันความเครียดยังไปกระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันอื่นๆ แต่มีผลทำให้ระบบภูมิคุ้มกันบกพร่อง และอาจจะทำให้ติดเชื้อได้ง่ายขึ้น
โรคมะเร็ง จากการศึกษาหนึ่งพบว่า หนูที่มีสารก่อมะเร็งเมื่อถูกกดดันให้เครียด จะมีอัตราการลุกลามของมะเร็งเร็วกว่าหนูที่ไม่ได้ถูกกระตุ้นให้เครียด จึงอาจกล่าวได้ว่าความเครียดเป็นปัจจัยสำคัญในการลุกลามของโรค นอกจากนี้นักวิจัยชาวอเมริกาจากศูนย์มะเร็งพิตเบิร์กพบว่า ในผู้ป่วยมะเร็งเต้านมที่รู้สึกว่าไม่ได้รับความรัก ความดูแลเอาใจใส่จากครอบครัว ทำให้เซลล์มะเร็งแพร่กระจายได้เร็วยิ่งขึ้นกว่าคนอื่นที่ไม่ได้มีอาการเครียด
ข้ออักเสบรูมาทอยด์ พบว่าบุคลิกภาพของผู้ป่วยโรคนี้มีลักษณะที่สัมพันธ์กับความเครียดอยู่มากทีเดียว เช่น การเก็บกด ชอบความสมบูรณ์แบบ ชอบความโดดเดี่ยว ไม่ค่อยแสดงอารมณ์ ชอบความเจ็บปวด และมีอารมณ์ซึมเศร้าร่วมด้วย จึงอาจกล่าวได้ว่าความเครียดมีแนวโน้มกระตุ้นให้เกิดโรคได้
การป้องกันความเครียดเริ่มต้นที่ตัวเรานะคะ หากรู้ว่าเริ่มเครียด ให้ลองหยุดพัก ออกกำลังกายเป็นประจำ ทานอาหารที่มีประโยชน์ แบ่งเวลาทำงานและเวลาส่วนตัวเพื่อให้ได้พักจากเรื่องงานบ้างค่ะ
Comments