อ้วนหลังคลอด พุงไม่ยุบถือเป็นปัญหาของคุณแม่หลังคลอดหลายๆคน เพราะน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นตั้งแต่ช่วงตั้งครรภ์ พอคลอดน้ำหนักและหน้าท้องกลับไม่ลดตาม ทั้งยังแทบจะไม่มีเวลาดูแลตัวเอง นอนน้อย ไม่ได้เวลาออกกำลังกาย ต้องคอยดูลูกอยู่ตลอดเวลา จึงทำให้หน้าท้องไม่ยุบ ไขมันสะสม ดูแผละไม่เฟิร์มสักทีจนทำให้หมดความมั่นใจ
ทำไมตอนตั้งครรภ์น้ำหนักตัวแม่ถึงเพิ่มขึ้น?
น้ำหนักที่เพิ่มขึ้นของคุณแม่ตั้งครรภ์ส่วนใหญ่จะมาจาก น้ำหนักของลูกในท้อง รกในครรภ์ น้ำคร่ำ ปริมาณเลือดที่เพิ่มขึ้นในร่างกายเพื่อใช้หล่อเลี้ยงลูกในครรภ์ มดลูกที่มีขนาดใหญ่ขึ้น โดยน้ำหนักตัวและโครงสร้างร่างกายของคุณแม่ยังสามารถช่วยให้คำนวณน้ำหนักของลูกน้อยในครรภ์ได้อีกด้วย และน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นของคุณแม่มีส่วนสัมพันธ์กับสุขภาพที่แข็งแรงสมบูรณ์ของลูก หากคุณแม่มีน้ำหนักตัวที่น้อยกว่าเกณฑ์จะส่งผลให้ลูกตัวเล็กเกินกว่าเกณฑ์ พัฒนาการไม่สมบูรณ์ เสี่ยงเจ็บป่วยได้ง่ายภูมิคุ้มกันไม่ดี
ทั้งนี้ น้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นของคุณแม่ควรเพิ่มขึ้นทีละน้อยอย่างต่อเนื่องในขณะตั้งครรภ์ น้ำหนักไม่ควรขึ้นแบบพุ่งพวดในทีเดียวเพราะอาจะทำให้เกิดความเสี่ยงและโรคต่างๆตามมาได้ เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ภาวะแท้งบุตร ทารกหัวโต ภาวะลิ่มเลือดอุดตัน เป็นต้น
สาเหตุที่ทำให้อ้วนหลังคลอด
น้ำหนักหลังคลอด ที่ยังคงเหลือค้างอยู่ ได้แก่ ไขมัน และการบวมน้ำ รวมๆ 10-15 กิโลกรัม (แล้วแต่บุคคล) วึ่งจะค่อยๆลดลง ไปสู่น้ำหนักปกติของคุณแม่โดยเฉลี่ยใช้เวลาประมาณ 6 สัปดาห์ เนื่องจากยังเป็นแหล่งอาหารและพลังงานให้คุณแม่ เพื่อผลิตน้ำนมให้กับลูก
ฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลงตั้งแต่ช่วงตั้งครรภ์ เพราะฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) จะทำให้ไขมันมาพอกตามร่างกายมากยิ่งขึ้น เช่น แก้ม หน้าอก เต้านม หน้าท้อง สะโพก ต้นขา จึงทำให้ดูอ้วนขึ้น และฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน (Progesterone) ที่ผลิตออกมาในช่วงตั้งครรภ์ยังทำให้เกิดการบวมน้ำได้ และยังสะสมอยู่ต่อเนื่องหลังคลอด
การอดหลับอดนอน ทำให้อยากอาหารมากขึ้น เมื่อพักผ่อนไม่เพียงพอ นอนไม่เป็นเวลา หรือนอนไม่พอ ส่งผลให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนเกรลิน (Ghrelin) ที่ไปกระตุ้นความหิวมีมากขึ้นกว่าปกติ จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้คุณแม่อยากกินอาหารเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอาหารประเภทน้ำตาลและไขมันมากขึ้น
กล้ามเนื้อหน้าท้องแยกกัน ในตอนที่คุณแม่กำลังตั้งครรภ์บริเวณกล้ามเนื้อหน้าท้องหรือ ซิกแพคที่เป็นร่อง11 เกิดช่องว่างขนายออก เกิดการขยายตัวเพื่อให้เพิ่มพื้นที่ลูกอาศัยอยู่ในท้องได้ เมื่อคลอดแล้วกล้ามเนื้อที่แยกออกจากกันจะไม่สามารถยุบตัวกลับไปเป็บแบบเดิมได้ทันที ดังนั้นเมื่อทานอาหารเข้าไปแม้จะทานแค่นิดเดียวก็ทำให้พุงยื่นออกได้ มีผลต่อหุ่นและรูปร่าง ความกระชับ หรือร่องรอยของหน้าท้องคุณแม่
วิธีลดพุงและความอ้วนหลังคลอด
ให้นมลูกต่อเนื่อง 4-6 เดือน การให้นมลูกถือเป็นการช่วยลดน้ำหนักของคุณแม่ได้เป็นอย่างดีเยี่ยม เพราะการให้นมลูกเปรียบเสมือนการใช้พลังงาน ร่างกายจะไปดึงไขมันส่วนเกินต่างๆ ตามหน้าท้อง ต้นแขน ต้นขา มาช่วยผลิตน้ำนม ส่งผลให้น้ำหนักของคุณแม่ลดลงได้เร็วขึ้น
ดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอ เพราะร่างกายจะขาดน้ำในช่วงที่ให้นมลูก การดื่มน้ำจึงเป็นเรื่องที่สำคัญ การดื่มน้ำยังช่วยให้ไม่รู้สึกหิวบ่อย และช่วยเผาผลาญพลังงานในร่างกายได้อีกด้วย หลังคลอดควรดื่มน้ำ 2-3 ลิตรต่อวัน
ออกกำลังกายเบาๆเป็นประจำเพื่อช่วยเผาผลาญ ในช่วง 3 เดือนแรกแนะนำให้เคลื่อนไหวร่างกายอย่างต่อเนื่อง อาจยังไม่แนะนำให้ออกกำลังกายอย่างหนัก แต่หลังจาก 3 เดือนไปแล้วควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เช่น ยกเวท เพิ่มกำลังแขนและขา และเพิ่มความเฟิร์ม ซึ่งวิธีการออกำลังกายที่เป็นตัวช่วยที่ดีที่สุดที่แนะนำคือ Cardio เพราะจะช่วยกระตุ้นการเผาผลาญ ได้ไวมากขึ้น
ทานโปรตีนดี เช่น ปลาเนื้อขาว ปลาแซลมอน ไข่ เนื้อไก่ เนื้อวัวไขมันน้อย เมล็ดธัญพืช เมล็ดถั่ว ควินัว เป็นต้น เพราะกลุ่มโปรตีนที่ดีจะช่วยให้ร่างกายเผาผลาญพลังงานได้อย่างดี ทำให้อิ่มนาน ลดความอยากอาหาร จึงทำให้น้ำหนักลดได้ไวขึ้น
ปรึกษาคุณหมอ เพื่อตรวจสมดุลฮอร์โมน หลังคลอด 3 เดือน
สำหรับคุณแม่หลังคลอดที่ลูกน้อยหย่านมแล้วและต้องการให้หุ่นกลับมาเฟิร์มเป๊ะแบบรวดเร็ว ไธรฟ์ คลินิก ขอแนะนำ Booster IV Drip สูตร Weight Loss เพราะเป็นวิตามินสูตรเข้มข้นพิเศษที่ประกอบไปด้วยวิตามินและกรดอะมิโนช่วยให้ร่างกายเผาผลาญและนำพลังงานไปใช้ได้อย่างเหมาะสม เหมะสำหรับคนที่ต้องการเผาผลาญไขมันและลดน้ำหนัก
