Search Results

คลิกเลือกอ่านเนื้อหาที่สนใจ ... อาการแฮงค์เกิดขึ้นได้อย่างไร เช็กร่างกายเมื่อแฮงค์โอเวอร์หนัก ทำไมถึงจำอะไรไม่ได้ ที่เมาสุดเหวี่ยงแบบนี้ เพราะสมองส่วนไหนสั่งการ ทำไมดื่มแอลกอฮอล์ตอนท้องว่างทีไร แฮงค์หนักทุกที? ผู้หญิงแฮงค์ง่าย เพราะร่างกายเมามากกว่า มัดรวมวิธีแก้แฮงค์ให้สร่างง่าย ทันปาร์ตี้ต่อ แฮงค์หนักไม่ไหว ตัวช่วยสายปาร์ตี้ เติมวิตามินแบบเร่งด่วนพร้อม IV Detox เย็นวันศุกร์แบบนี้ ปาร์ตี้ไม่มีพลาด แต่ดื่มหนักจนแฮงค์ก็แทบไม่ไหว อาการแฮงค์ที่เป็นตลอดนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร แล้วทำไมบางคนถึงคอแข็งได้ขนาดนั้น ร่างกายเรามีกลไกอะไรอีกบ้างต่อแอลกอฮอล์และความแฮงค์ ไธรฟ์ เวลเนส คลินิก ชวนหาคำตอบอาการแฮงค์ ที่สายปาร์ตี้พบเจอเป็นประจำ อาการแฮงค์เกิดขึ้นได้อย่างไร อาการแฮงค์ เมาค้าง (Hangover) คือ อาการที่มักมึนหัวตึ้บๆ อึนๆ รู้สึกพะอืดพะอมหลังตื่นนอน คลื่นไส้ อยากอาเจียน ในบางคนก็เบื่ออาหาร อาการแสนทรมานจนคิดอยากจะเลิกดื่มทุกที คือปฏิกิริยาทางร่างกาย เมื่อคุณดื่มแอลกอฮอล์ ในปริมาณมากที่ร่างกายเกินรับไหว ร่างกายจึงพยายามขับแอลกอฮอล์ออกจากร่างกายให้ไวที่สุด ซึ่งก็ตกไปเป็นหน้าที่ของตับ แต่ระหว่างนั้นฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ก็ได้ส่งผลไปยังอวัยวะอื่นๆ จึงทำให้คุณเกิดอาการแฮงค์ได้นั่นเอง เช็กร่างกายเมื่อแฮงค์โอเวอร์หนัก ทำไมถึงจำอะไรไม่ได้ ขั้นแรก เมื่อคุณดื่มแอลกอฮอล์ ร่างกายจะเปลี่ยนให้กลายเป็น Acetal Aldehyde (อะซิตัล แอลดีไฮด์) ซึ่งเป็นพิษต่อเซลล์ร่างกาย จึงเกิดเอนไซม์ Acetal dehydrogenase เปลี่ยนให้เป็น Acetate ที่ไม่เป็นพิษ สารตัวนี้เองที่ออกฤทธิ์ไปยังสมองของต่อมควบคุมระดับเกลือและน้ำตาลในร่างกาย และอวัยวะส่วนอื่นในร่างกาย ซึ่งกระบวนการตอนนี้เองที่ทำให้ร่างกายแสดงอาการเมา สมองปลอดโปร่งสบายในช่วงแรก แล้วค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นความรู้สึกเหมือนถูกบีบหนัก ๆ ร่างกายเริ่มอ่อนแรง เดินไม่ตรง พูดจาอ้อแอ้ หูอื้อ ตาลาย หน้าแดง หรือในบางคนก็ความจำเสื่อมไปชั่วขณะ หากยังดื่มต่อไปเรื่อย ๆ จะเกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน และอาการเมาหนักแบบที่คาดไม่ถึง ขั้นสอง เมื่อคุณไปถึงอาการขั้นที่ 1 แล้ว ร่างกายจะยังเกิดการเปลี่ยนแปลงไปเรื่อย ๆ และจะเริ่มส่งผลต่อสมอง ซึ่งโดยปกติแล้วเซลล์สมองจะมีการสร้างผนังเซลล์ขึ้นเพื่อเป็นกลไกป้องกันตัวเอง ป้องกันไม่ให้สิ่งแปลกปลอมเข้ามาทำลาย ดังนั้นเมื่อแอลกอฮอล์เดินทางมาถึงเซลล์สมองก็จะเกิดกลไกป้องกันตัวเองนี้ตลอดเวลา จนเกิดเป็นอาการแฮงค์โอเวอร์ หรือเมาค้างได้นั่นเองค่ะ ขั้นสาม กระบวนการขั้นนี้จะทำให้ร่างกายคุณรู้สึกแฮงค์ได้แบบชัดเจน เพราะร่างกายกำลังเข้าสู่การขจัดสารพิษออกผ่านการปัสสาวะ ทำให้เกิดการสูญเสียน้ำภายในร่างกาย รวมไปถึงสารอาหาร วิตามินแร่ธาตุก็ออกมาด้วย เช่น Vitamin B1 B2 B6 B12, Vitamin C, Folic Acid, Magnesium, Potassium, ธาตุเหล็ก สังกะสี จนทำให้เกิดอาการแฮงค์หนักที่มักได้ยินว่าเหมือนมีใครเอาค้อนมาทุบหัว ปวดหัวหนึบๆ จี๊ด ๆ แค่เพียงขยับตัวเล็กน้อยก็ยิ่งกระตุ้นให้คุณปวดหัวหนักกว่าเดิมได้ อาการที่รู้สึกอยากจะอาเจียนจะเกิดขึ้นได้เรื่อยๆ ไปพร้อมกัน ที่เมาสุดเหวี่ยงแบบนี้ เพราะสมองส่วนไหนสั่งการ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (Ethanol Alcohol) มีฤทธิ์เป็นสารกดประสาทส่วนกลาง มีผลดีทำให้กล้ามเนื้อเกิดการผ่อนคลาย แต่ผลเสียคือหากดื่มมากเกินกว่าปริมาณที่ร่างกายรับได้ก็จะเข้าไปสู่กลไกการขจัดสารพิษ เมื่อแอลกอฮอล์มาสู่กระเพาะอาหารและลำไส้เล็ก เพื่อดูดซึมเข้าสู่ระบบการไหลเวียนโลหิต หลังจากนั้นก็จะถูกซึมซับเข้าสู่สมองและเกิดอาการสุดเหวี่ยงอย่างที่เห็นกันได้ เต้น สนุกสุดเหวี่ยง จำที่พูดไม่ได้ ขาดสติ ขาดความยับยั้งชั่งใจ เปลี่ยนบุคลิกจากที่เคยเป็น เพราะสมองส่วนหน้า (Frontal lobe) ถูกทำลายด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ ส่งผลให้การเรียนรู้ การเข้าสังคมผิดปกติ รื้อฟื้นความทรงจำเก่าๆ ดราม่าเจ้าน้ำตา ความรู้สึกที่เก็บซ่อนไว้ลึกๆ เริ่มพลั่งพรู เพราะสมองส่วนความจำ (Hippocampus) เสียการควบคุม ทำให้เกิดการเรียนรู้ผิดปกติ ส่งผลให้ความจำเสื่อมดังนั้นช่วงเวลาที่คุณต้องใช้ความคิด ความจำ ไม่แนะนำให้ดื่มแอลกอฮอล์ เมาทีไรต้องไปต่อร้านข้าวต้ม หิว กระหายน้ำ นอนหลับไม่รู้เรื่อง เพราะสมองส่วนไฮโพทาลามัส (Hypothalamus) เป็นส่วนที่ควบคุมความดันโลหิต อัตราการเต้นของหัวใจ ความหิว ความอิ่ม การนอนหลับ อุณหภูมิภายในร่างกาย การเต้นของหัวใจเกิดการแปรปรวน และทำงานอย่างผิดปกติ ทรงตัวไม่อยู่ เดินไม่ตรง ควบคุมการทรงตัวไม่ได้ เพราะสมองส่วนเซรีเบลลัม (Cerebellum) ทำงานผิดปกติ ตอบสนองได้ช้าลง การรับรู้น้อยลง เพราะก้านสมอง (Brain Stem) เป็นส่วนที่คอยควบคุมการส่งข้อมูลไปยังอวัยวะต่างๆ เกิดการบกพร่องเมื่อได้รับปริมาณแอลกอฮอล์ที่มากเกินไป รู้สึกคลื่นไส้ อยากอาเจียน ดื่มมากจนหมดสติ แฮงค์หนักจนควบคุมอะไรไม่ได้ เพราะก้านสมองส่วนท้าย หรือ เมดัลลา (Medulla Oblongata) เป็นส่วนที่คอยควบคุมในส่วนที่ร่างกายดื่มแอลกอฮอล์มากจนเกินขีดจำกัด ซึ่งส่งผลให้หมดสติ ช็อค หยุดหายใจและเสียชีวิตได้ในที่สุด ทำไมดื่มแอลกอฮอล์ตอนท้องว่างทีไร แฮงค์หนักทุกที? ที่ห้ามดื่มเหล้า ดื่มแอลกอฮอล์ตอนท้องว่าง สาเหตุก็เป็นเพราะขณะที่ดื่มตอนท้องว่าง ตับอ่อนจะเกิดการหลั่งฮอร์โมนอินซูลินเข้ามากักเก็บน้ำตาล ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดน้อย ยิ่งดื่มมากขึ้นก็จะยิ่งทำให้ถูกกักเก็บน้ำตาลเพิ่มขึ้น จนเกิดภาวะน้ำตาลตก สาเหตุนี้เองที่ทำให้เรารู้สึกเมา มึน ๆ งง ๆ หนัก เมื่อไม่ทานอาหารรองท้อง ผู้หญิงแฮงค์ง่าย เพราะร่างกายเมามากกว่า ระบบการดูดซึมของร่างกายเพศหญิงมีความไวมากกว่าเพศชาย เพราะเมื่อดื่มเหล้า หรือแอลกอฮอล์จะลงไปสู่กระเพาะอาหาร แอลกอฮอล์ในเหล้าส่วนหนึ่งจะถูกเผาผลาญโดยเอนไซม์หรือน้ำย่อยเพื่อคอยขจัดฤทธิ์ของแอลกอฮอล์และเปลี่ยนให้กลายเป็นพลังงาน ซึ่งในกลไกระหว่างนี้เองที่ร่างกายของเพศหญิงมีการผลิตน้ำย่อยเพื่อใช้ในการเผาผลาญได้น้อยกว่าเพศชาย จากนั้นแอลกอฮอล์ส่วนที่เหลือถึงจะลงไปสู่กลไกของตับและสมอง เพศหญิงจึงมีการส่งออกได้มากกว่าไปด้วย จึงทำให้เกิดอาการเมาเร็วกว่าและแฮงค์ได้มากกว่านั่นเอง มัดรวมวิธีแก้แฮงค์ให้สร่างง่าย ทันปาร์ตี้ต่อ ดื่มน้ำเปล่าหลังตื่นนอน 1-2 แก้ว เพื่อขับแอลกอฮอล์ที่ตกค้างภายในร่างกาย สั่งกาแฟดำหรือชาร้อนสัก 1 แก้ว เพื่อกระตุ้นให้ร่างกายตื่นตัว ไม่งัวเงีย แถมมีฤทธิ์ช่วยขับปัสสาวะ เลือกอาหารมื้อแรกเป็นเมนูร้อน ๆ เผ็ด ๆ ช่วยลดอาการพะอืดพะอม คลื่นไส้ ทานไข่ต้ม น้ำส้มคั้น กล้วยหอม เพื่อเพิ่มแร่ธาตุ วิตามินที่ถูกขับออกมาทางร่างกาย ช่วยให้ร่างกายไม่ขาดวิตามิน หลีกเลี่ยงอาหารของมันของทอด นำใบโหระพา นำมาบด ผสมน้ำร้อนแช่ไว้ 5 นาที จากนั้นกรองดื่ม ช่วยลดอาการคลื่นไส้และแก้แฮงค์ได้เป็นอย่างดี หากปวดหัว ควรหลีกเลี่ยงการทานยาพาราเซตามอล เพราะจะทำให้ตับทำงานหนัก ลองหันมาดื่มช็อคโกแลต ช่วยลดอาการปวดหัว และช่วยให้มีแรงได้ IV Drip Vitamin บูสต์ร่างกายเสริมวิตามินและแร่ธาตุอย่างเร่งด่วน ทดแทนการที่ร่างกายขับแอลกอฮอล์ออกไปพร้อมกับปัสสาวะ ช่วยให้ร่างกายลดอาการเมาค้าง และยังสนับสนุนกลไกการทำงานของร่างกายไปอย่างเป็นปกติ แฮงค์หนักไม่ไหว ตัวช่วยสายปาร์ตี้ เติมวิตามินแบบเร่งด่วนพร้อม IV Detox 💚 Hangover สูตรที่เหมาะสมสำหรับสายเมาค้าง ที่ไม่ว่าจะพึ่งตัวช่วยไหนก็ไม่หาย เพราะร่างกายอาจเกิดภาวะขาดน้ำและสารอาหารในปริมาณมาก ยิ่งในช่วงอาการแฮงค์ที่มักเกิดอาการเบื่ออาหาร ทานไม่ลง ให้ตัวนี้ช่วยเสริมก็จะทำให้ร่างกายต้องการวิตามินที่ขาดไปได้อย่าง Vitamin C, Vitamin B complete เป็นต้น ❇️ เหมาะสำหรับผู้ที่รู้สึกไม่สดชื่น ไม่ตื่นตัว แฮงค์หนัก เบื่ออาหาร คลื่นไส้อาเจียน ราคา 2,990.-/ครั้ง 💚 Detox Body สูตรที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดีท็อกซ์สารพิษและสารตกค้างในร่างกาย สามารถเข้าดริปวิตามินได้บ่อยเป็นประจำไม่แสบเส้น อุดมด้วยวิตามินที่สําคัญร่างกายจําเป็นต้องใช้ในกลไกร่างกาย ❇️ เหมาะสำหรับผู้ที่รู้สึกไม่สดชื่น ไม่ชอบทานผักที่ดีต่อการ Detox จึงเหมาะมากเพราะประกอบไปด้วย Vitamin C B1 B6 Calcium Magnesium NAC ราคา 2,990.-/ครั้ง 💚 Liver Detox สูตรที่ช่วยขจัดสารพิษในร่างกายอนูมูลอิสระ และเพิ่มประสิทธิภาพการทํางานของตับ เน้นการดูแลสุขภาพซึมลึกถึงระดับเซลล์ ด้วยวิตามิน แร่ธาตุ และ Amino acid ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระระดับสูง ช่วย Boost ระดับวิตามินและ Restore Vitamin level ในร่างกาย ❇️ เหมาะสำหรับสายดื่มหนัก แก้แฮงค์ เพราะช่วยฟื้นฟูขจัดสารพิษที่ดีต่อตับโดยตรง ราคา 3,800.-/ครั้ง 💚 Ultimate Detox สูตรล้างสารพิษที่ประกอบด้วยวิตามินเข้มข้นระดับ premium ที่ประกอบด้วย Vitamin, minerals, Amino acid ในระดับ High Dose และพิเศษ Vitamin C Pascorbin นําเข้าจากเยอรมันและอเมริกาที่อ่อนโยน ยังมี Placenta ที่ช่วยกระตุ้นการทํางานของเซลล์ทุกเซลล์และซ่อมแซมทุกปัญหาของผิว พร้อมเสริมภูมิคุ้มกัน ❇️เหมาะสําหรับผู้ที่ต้องการดีท็อกซ์ร่างกาย มีอาการอ่อนล้า อ่อนเพลีย นอนไม่หลับ หรือผิวแพ้ง่าย ราคา 7,500.-/ครั้ง IV Drip สำหรับสายปาร์ตี้ การตรวจเพื่อปรับสมดุลลำไส้และการกำจัดสารพิษ วิตามินเฉพาะบุคคล PERSONALIZED VITAMINS

คลิกเลือกอ่านเนื้อหาที่สนใจ ... วิตามินเสริมภูมิคุ้มกัน ทำงานอย่างไร? วิตามินเสริมภูมิคุ้มกัน มีอะไรบ้าง เพิ่มวิตามินเสริมภูมิคุ้มกันแบบเร่งด่วนด้วย IV Drip เสริมสร้างกำแพงด่านแรกให้ร่างกายแข็งแรง โดยไม่ต้องรอทานยาเพื่อให้ร่างกายหายป่วย แต่เลือกทานวิตามินจากผัก ผลไม้เพื่อเสริมภูมิคุ้มกันได้ง่ายๆ จากอาหารในครัว วิตามินเสริมภูมิคุ้มกัน ทำงานอย่างไร? ระบบภูมิคุ้มกัน (Immune System) เป็นระบบที่คอยดักตรวจ เชื้อไวรัส หรือสิ่งแปลกปลอมอื่นๆ ที่เป็นพิษต่อร่างกายทุกชนิด เป็นต้นเหตุทำให้ร่างกายของเราเกิดอาการเจ็บป่วยได้นั่นเองค่ะ ซึ่งวิตามินและแร่ธาตุนี้คือหน่วยสำคัญที่จะทำให้กระบวนการดักจับเชื้อโรคนั้นทำงานได้อย่างปกติและมีประสิทธิภาพ โดยจะเข้าไปสนับสนุนการทำงานของเซลล์เม็ดเลือดขาวให้แข็งแรง กำจัดเชื้อโรค เชื้อไวรัสได้อย่างไม่บกพรอง เพราะฉะนั้นหากอยากห่างไกลโรคเราก็ต้องเสริมสร้างร่างกายตั้งแต่ต้นเหตุเลยค่ะ วิตามินเสริมภูมิคุ้มกัน มีอะไรบ้าง Vitamin C วิตามินที่ควรได้รับเป็นประจำทุกวัน โดย Vitamin C มีประโยชน์สำคัญที่ช่วยกระตุ้นการผลิตเม็ดเลือดขาว และสนับสนุนการทำงานของเม็ดเลือดขาวให้มีประสิทธิภาพ ทำลายเชื้อโรค ไวรัส แบคทีเรีย Zinc กระตุ้นการทำงานของเซลล์เม็ดเลือดขาวหลายชนิด ช่วยลดปริมาณไวรัสในร่างกาย ควบคุมการทำงานของเอ็นไซม์ที่เป็นกลไกการทำงานหลักของระบบภูมิคุ้มกัน พร้อมทั้งช่วยให้เซลล์เจริญเติบโตและแบ่งเซลล์ที่เกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้มกันทำให้กำจัดเชื้อโรคได้ไวขึ้น ดูดซึมวิตามินซีได้ดีขึ้น จึงเป็นเหมือนคู่หูแห่งการเริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน Vitamin D ลดโอกาสในการติดเชื้อ เพราะช่วยกระตุ้นการสร้าง Antimicrobial peptides ที่ช่วยกำจัดเชื้อโรค และกระตุ้นการทำงานของเม็ดเลือดขาว Macrophage สำคัญต่อระบบภูมิคุ้มกันในการกลืนกินและย่อยสลายสิ่งแปลกปลอมทที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย พร้อมตรวจจับสารก่อโรคได้ พร้อมลดการอักเสบ จากการทำงานของเม็ดเลือดขาวที่ผิดปกติ Vitamin B12 ส่งเสริมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ที่เป็นกลไกในการสร้างเซลล์ต่างๆ ซึ่งเป็นวิตามินบี 12 สำคัญต่อการสังเคราะห์สารพันธุกรรม DNA สนับสนุนการผลิตเซลล์ที่เป็นตัวหลักในการกำจัดเชื้อโรค (Natural Killer Cell) รวมไปถึงช่วยลดการอักเสบของร่างกาย Vitamin E สำคัญต่อการสร้างระบบภูมิคุ้มกัน โดยเป็นส่วนประกอบของผนังเซลล์ของเซลล์เม็ดเลือดขาว ทำให้ส่งผลต่อการเพิ่มปริมาณและยืดอายุของเซลล์ให้เพิ่มมากขึ้น และยังสำคัญมากในการต้านอนุมูลอิสระที่ก่อโรค เป็นเพียงวิตามินไม่กี่ชนิดที่ละลายได้ในไขมัน Quercetin สารเควอซิทิน ที่มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน พร้อมทั้งช่วยต้านไวรัสไม่ให้เข้าสู่เซลล์ จึงลดโอกาศการติดเชื้อได้เป็นอย่างดี และยับยั้งการแบ่งตัวของไวรัส Selenium ช่วยกระตุ้นการทำงานของเซลล์เม็ดเลือดขาวในระบบภูมิคุ้มกัน ให้มีประสิทธิภาพในการต่อสู้กับเชื้อโรค และยังเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ เป็นแร่ธาตุที่ช่วยรีไซเคิลวิตามินซีและวิตามินอีให้นำกลับมาใช้ได้อีก สนับสนุนการสร้างต่อมไทมัส ต่อมสำคัญในระบบภูมิคุ้มกันที่ช่วยสร้าง T-cell เพิ่มวิตามินเสริมภูมิคุ้มกันแบบเร่งด่วนด้วย IV Drip นอกจากการรับประทานมื้ออาหารอย่างผัก ผลไม้ เนื้อสัตว์ ที่อุดมไปด้วยวิตามินเสริมภูมิคุ้มกันแล้ว ยังสามารถเสริมด้วย IV Drip ที่ร่างกายสามารถรับวิตามินเสริมภูมิคุ้มได้อย่างทันที โดยร่างกายสามารถดูดซึมได้อย่าง 100% โดยไม่ต้องรอกระบวนการย่อยอาหารถึงค่อยดูดซึม ร่างกายคุณจึงสามารถบูสต์อัพได้ไว ไม่ต้องรอป่วยและเสี่ยงนาน แต่ควรได้รับคำปรึกษาจากแพทย์เพื่อให้ร่างกายได้รับวิตามินต่างๆ ในระดับที่ร่างกายไม่เป็นอันตราย ด้วยสูตรจากไธรฟ์ ที่คุณหมอด้าน Anti-Aging คิดค้นขึ้นมาโดยเฉพาะ รวบรวมวิตามินเสริมภูมิคุ้มกันไว้ในทุกสูตร Allergy Defender สูตรเพิ่มภูมิคุ้มกัน ไข้หวัด และป้องกันภูมิแพ้ ราคา 2,990.-/ครั้ง Immune Upgrade สูตรที่มีวิตามินซีเข้มข้นและแร่ธาตุต่างๆ ช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันในร่างกาย เหมาะกับผู้เป็นหวัดบ่อย แพ้อากาศหรือภูมิแพ้ ราคา 3,800.-/ครั้ง Mega Dose Vit C เสริมพลังวิตามินรวมกว่า 21 ชนิด Vitamin C Pascorbin ALA เสริมสารต้านอนุมูลอิสระเข้มข้นฟื้นฟูผิวพร้อมรับทุกกิจกรรม พร้อมบำรุงผิวสดใส เปล่งปลั่ง เรียบลื่น ราคา 7,500.-/ครั้ง IV Drip เติมวิตามินในร่างกายคืออะไร วิตามินเฉพาะบุคคล Thrive Vitamin Pack

คลิกเลือกอ่านเนื้อหาที่สนใจ ... อาการแฮงค์เหล้า เกิดขึ้นได้อย่างไร ทำไมเราถึงเข้าห้องน้ำบ่อยเมื่อดื่มแอลกอฮอล์และแฮงค์หนัก เมื่อดื่มเหล้าเข้าไป ร่างกายทำอย่างไรกับแอลกอฮอล์ เราจึงแฮงค์ เติมวิตามินแก้แฮงค์ บูสต์ร่างกายพร้อมสู้ต่อ แฮงค์หนักไม่ไหว ตัวช่วยสายปาร์ตี้ เติมวิตามินแบบเร่งด่วนพร้อม IV Detox ไม่ว่าฝึกคอแข็งมานานแค่ไหน แต่ก็ยังถูกจัดอยู่ในจำพวกคนแฮงค์เหล้าอยู่ดี? ทำไมบางคนถึงไม่แฮงค์ และทำไมเราถึงแฮงค์ได้ทุกครั้งที่ดื่ม ไธรฟ์ เวลเนส คลินิก ชวนหาคำตอบอาการแฮงค์เหล้า ที่สายปาร์ตี้พบเจอเป็นประจำ อาการแฮงค์เหล้า เกิดขึ้นได้อย่างไร อาการแฮงค์เหล้า หรือ เมาค้างจากการดื่มเหล้า ที่พบได้มากกว่าเมื่อเทียบกับการดื่มเบียร์ นั่นก็เพราะปริมาณแอลกอฮอลล์ในเหล้านั้นมีสูงกว่า โดยเบียร์จะอยู่ที่ราวๆ 5% แต่เหล้าจะอยู่ที่ 35-40 % และเพศหญิงมีโอกาสแฮงค์มากกว่า เพราะมีการดูดซึมแอลกอฮอลล์ได้เร็วกว่า อาการแฮงค์เหล้า เป็นอาการที่คุณดื่มเหล้า ดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมากที่ร่างกายเกินรับไหว จนเกิดปฏิกิริยาต่อต้านขึ้นมา ทั้งร่างกายเกิดการขาดน้ำ ฮอร์โมนเสียสมดุล สารสื่อประสาทที่สมองเกิดการเปลี่ยนแปลง ลองสังเกตดูว่าเมื่อคุณเริ่มดื่มไปสักพัก อาการมึนหัว ปัสสาวะไม่หยุดก็จะเริ่มถามหาทันที ซึ่งเป็นสัญญาณว่าร่างกายคุณเริ่มเข้าสู่อาการก่อนจะแฮงค์แล้ว ทำไมเราถึงเข้าห้องน้ำบ่อยเมื่อดื่มแอลกอฮอล์และแฮงค์หนัก ต่อคิวเข้าห้องน้ำยาวเป็นกิโล เพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ส่งผลให้ร่างกายเกิดการขับของเสียผ่านทางปัสสาวะ ซึ่งก็ขับวิตามินและแร่ธาตุออกมาด้วยเช่นกัน คือ Vitamin B1 B2 B6 B12, Vitamin C, Folic Acid, Magnesium, Potassium, ธาตุเหล็ก สังกะสี จึงทำให้ร่างกายคุณเกิดภาวะขาดน้ำ รวมไปถึงลดการดูดซึมของวิตามินและแร่ธาตุจากทางเดินอาหาร จึงทำให้เกิดความรู้สึกอ่อนล้า อ่อนเพลีย เวียนศีรษะ มึนงง หงุดหงิด ชาปลายมือปลายเท้า คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร นอนไม่ได้ ถ่ายเหลว สะดุ้ง ตกใจง่าย เมื่อดื่มเหล้าเข้าไป ร่างกายทำอย่างไรกับแอลกอฮอล์ เราจึงแฮงค์ แอลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไป จะถูกเปลี่ยนให้กลายเป็น Acetal Aldehyde (อะซิตัล แอลดีไฮด์) ซึ่งเป็นพิษต่อเซลล์ร่างกาย จึงเกิดเอนไซม์ Acetal dehydrogennase เปลี่ยนให้เป็น Acetate ที่ไม่เป็นพิษ และร่างกายสามารถนำไปใช้เป็นพลังงานได้ แต่ในร่างกายบางคนก็ไม่สามารถผลิตเอนไซม์ Acetal dehydrogennase ได้ หรือผลิตได้ในปริมาณที่จำกัด จึงเกิดการสะสมของแอลกอฮอล์ที่เป็น Acetal Aldehyde อยู่ ทำให้เซลล์เป็นพิษ ทำให้คุณเกิดอาการแฮงค์เหล้าต่างๆ ตามมา เติมวิตามินแก้แฮงค์ บูสต์ร่างกายพร้อมสู้ต่อ ที่ร่างกายเราแฮงค์หนัก เพราะเกิดการขับวิตามินและแร่ธาตุออกมามาก จนหลงเหลืออยู่น้อยไม่เพียงพอต่อการดึงไปใช้ในกระบวนการต่างๆ ของร่างกาย ดังนั้น จึงต้องเตรียมพร้อมก่อนวันสู้ศึก หรือบูสต์ร่างกายหลังปาร์ตี้หนักด้วยวิธีการเหล่านี้เพื่อเพิ่มวิตามินอย่างเพียงพอ ดื่มน้ำเปล่ามากๆ ตลอดทั้งวันเพื่อให้ร่างกายขับสารพิษออกไปได้อย่างรวดเร็ว ดื่มน้ำผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว ช่วยบรรเทาอาการคลื่นไส้ อาเจียน ทำให้สดชื่น เช่น น้ำส้ม น้ำมะนาว ช่วยเพิ่ม Vitamin C เร่งการกำจัดแอลกอฮอล์ออกจากร่างกาย ลดสารตกค้างในตับ เครื่องดื่มเกลือแร่ เพื่อฟื้นฟูอาการขาดน้ำ และแร่ธาตุที่สูญเสียไปทั้ง เหล็ก สังกะสี โพแทสเซียม เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการท้องเสียเล็กน้อยเท่านั้น กล้วยหอม ไข่ต้ม อาหารที่อุดมไปด้วยโพแทสเซียม ที่ร่างกายขาดเมื่อคุณเกิดภาวะแฮงค์หนัก ช่วยเคลือบกระเพาะ ทำให้ร่างกายดูดซึมแอลกอออล์ได้น้อยลงและขับออกมาได้เร็วขึ้น กะหล่ำปลี บร็อคโคลี มี Folic Acid ที่จะช่วยนำส่งออกซิเจน ไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกาย ฟื้นฟูเซลล์ที่ถูกแอลกอฮอล์ทำลาย และลดอาการอ่อนเพลีย ขนมปังธัญพืช นม เนื้อสัตว์ อุดมไปด้วยแมกนีเซียม ช่วยลดอาการปวดศีรษะ หงุดหงิดง่าย ไม่มีแรงเมื่อคุณเมาค้าง ตับ ถั่วเหลือง เนื้อหมูไม่ติดมัน ถั่วลิสง นม ไข่แดง ปลา อาหารที่เสริมวิตามินบี 1,บี 6 ช่วยลดอาการชาปลายมือปลายเท้า มึนงง แฮงค์หนักไม่ไหว ตัวช่วยสายปาร์ตี้ เติมวิตามินแบบเร่งด่วนพร้อม IV Detox 💚 Hangover สูตรที่เหมาะสมสำหรับสายเมาค้าง ที่ไม่ว่าจะพึ่งตัวช่วยไหนก็ไม่หาย เพราะร่างกายอาจเกิดภาวะขาดน้ำและสารอาหารในปริมาณมาก ยิ่งในช่วงอาการแฮงค์ที่มักเกิดอาการเบื่ออาหาร ทานไม่ลง ให้ตัวนี้ช่วยเสริมก็จะทำให้ร่างกายต้องการวิตามินที่ขาดไปได้อย่าง Vitamin C, Vitamin B complete เป็นต้น ❇️ เหมาะสำหรับผู้ที่รู้สึกไม่สดชื่น ไม่ตื่นตัว แฮงค์หนัก เบื่ออาหาร คลื่นไส้อาเจียน ราคา 2,990.-/ครั้ง 💚 Detox Body สูตรที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดีท็อกซ์สารพิษและสารตกค้างในร่างกาย สามารถเข้าดริปวิตามินได้บ่อยเป็นประจำไม่แสบเส้น อุดมด้วยวิตามินที่สําคัญร่างกายจําเป็นต้องใช้ในกลไกร่างกาย ❇️ เหมาะสำหรับผู้ที่รู้สึกไม่สดชื่น ไม่ชอบทานผักที่ดีต่อการ Detox จึงเหมาะมากเพราะประกอบไปด้วย Vitamin C, B1, B6, Calcium, Magnesium, NAC ราคา 2,990.-/ครั้ง 💚 Liver Detox สูตรที่ช่วยขจัดสารพิษในร่างกายอนูมูลอิสระ และเพิ่มประสิทธิภาพการทํางานของตับ เน้นการดูแลสุขภาพซึมลึกถึงระดับเซลล์ ด้วยวิตามิน แร่ธาตุ และ Amino acid ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระระดับสูง ช่วย Boost ระดับวิตามินและ Restore Vitamin level ในร่างกาย ❇️ เหมาะสำหรับสายดื่มหนัก แก้แฮงค์ เพราะช่วยฟื้นฟูขจัดสารพิษที่ดีต่อตับโดยตรง ราคา 3,800.-/ครั้ง 💚 Ultimate Detox สูตรล้างสารพิษที่ประกอบด้วยวิตามินเข้มข้นระดับ premium ที่ประกอบด้วย Vitamin, minerals, Amino acid ในระดับ High Dose และพิเศษ Vitamin C Pascorbin นําเข้าจากเยอรมันและอเมริกาที่อ่อนโยน ยังมี Placenta ที่ช่วยกระตุ้นการทํางานของเซลล์ทุกเซลล์และซ่อมแซมทุกปัญหาของผิว พร้อมเสริมภูมิคุ้มกัน ❇️เหมาะสําหรับผู้ที่ต้องการดีท็อกซ์ร่างกาย มีอาการอ่อนล้า อ่อนเพลีย นอนไม่หลับ หรือผิวแพ้ง่าย ราคา 7,500.-/ครั้ง IV Drip คืออะไร IV Drip สูตรสำหรับคน YOLO สมดุลลำไส้และการกำจัดสารพิษ

อย่างที่ทราบกันดีว่าระบบภูมิคุ้มกันคือสิ่งสำคัญ ช่วยให้ร่างกายไม่ป่วยบ่อย เป็นไข้หวัดง่าย ถ้าระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ โรคแทรกซ้อนอีกนับสิบถามหาแน่นอน ไธรฟ์ เวลเนส คลินิก มีวิธี Boost ภูมิต้านทานให้ด่านแรก! ต่อสู้กับเชื้อโรคได้ดีแม้คุณ ไม่กินผัก Boost up ร่างกายด้วยวิตามินและแร่ธาตุเหล่านี้ Vitamin C ช่วยกระตุ้นและเสริมสร้างการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน กระตุ้นการแบ่งตัวและเพิ่มจำนวนเม็ดเลือดขาวชนิด T-Cell ช่วยต้านการอักเสบและติดเชื้อในร่างกาย ลดอนุมูลอิสระที่เกิดจากความเครียด และโรคต่างๆ บำรุงผิวพรรณกระจ่างใส ป้องกันเลือดออกตามไรฟัน และช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น พบใน ส้ม อะเซโรลาเชอร์รี่ กีวี มะม่วง มะขามป้อม สตรอว์เบอร์รี่ ฝรั่ง พริกหยวก บร็อคโคลี ผักคะน้า ผักปวยเล้ง ใบมะรุม เป็นต้น Zinc เป็นส่วนประกอบในเอนไซม์ของระบบภูมิคุ้มกัน ช่วยกระตุ้นและเสริมประสิทธิภาพของเซลล์เม็ดเลือดขาว T-Cell ลดอัตราการติดเชื้อของโรคต่างๆ ยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย เสริมผิวพรรณ ผม ขน เล็บ และระบบสืบพันธุ์ให้แข็งแรง พบใน เนื้อวัว เนื้อไก่ โยเกิร์ต เม็ดฟักทอง เม็ดมะม่วงหิมพานต์ ตับ นม เนย ปู กุ้ง ไข่ หอยนางรม ข้าวกล้อง มันฝรั่ง ผักใบเขียว มะม่วง สับปะรด แอปเปิ้ล ถั่ว เต้าหู้ ข้าวโอ๊ต เห็ด Vitamin D ช่วยดูดซึมแคลเซียม ช่วยต้านเชื้อไวรัส ช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุนหรือโรคกระดูกบาง ฟันและเหงือกแข็งแรง เสริมประสิทธิภาพการทำงานของเม็ดเลือดขาวโมโนไซต์และมาโครฟาจ ที่ช่วยลดการอักเสบ ลดความเสี่ยงการติดเชื้อผ่านทางเดินหายใจ ไข้หวัดใหญ่ โรคหอบหืดจากภูมิแพ้ สร้างสมดุลน้ำตาลในเลือดและป้องกันโรคเบาหวาน ช่วยลดฮอร์โมนพาราไทรอยด์ พบใน แซลมอน ทูน่า ปลาซาร์ดีน ปลาแมคเคอเรล ไข่แดง ตับ หรือน้ำมันตับปลา ไข่ เห็ด ตับ นม Vitamin A ช่วยการเจริญเติบโตของเนื้อเยื่อและระบบภูมิคุ้มกัน หากขาดไปจะไม่สามารถสร้างระบบภูมิคุ้มกันได้ ช่วยรักษาและชะลอการเสื่อมสภาพของสายตา บำรุงรักษาเยื่อบุผิวของผิวหนัง ระบบทางเดินหายใจและทางเดินอาหาร พบใน ส้ม ไข่ ตับ นม แครอท ผักโขม ข้าวโพด มันฝรั่ง ฟักทอง คะน้า มะม่วงสุก Selenium ส่งเสริมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ส่งเสริมการทำงานของฮอร์โมนไทรอยด์ ฮอร์โมนเพศ และอินซูลิน ช่วยควบคุมการทำงานของระบบเผาผลาญ เป็นสารต้านอนุมูลอิสระของเอนไซม์ที่สร้าง กลูต้าไธโอน และเปอร์ออกซิเดส ยับยั้งการเกิดมะเร็ง ป้องกันการเกิดรังแค พบใน ถั่วบราซิล สัตว์ปีก ไข่ ตับ ธัญพืช ถั่วเลนทิล อาหารทะเล หัวหอม กระเทียม Iron เป็นส่วนประกอบสำคัญของเม็ดเลือดแดง ที่อยู่ในกระบวนการสร้างภูมิคุ้มกัน สำคัญต่อการลำเลียงออกซิเจนและสารอาหารไปสู่เซลล์ ป้องกันและรักษาภาวะโลหิตจาง บรรเทาอาการเหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย โดยเฉพาะช่วงมีประจำเดือน ช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง พบใน เนื้อแดง ไข่ ถั่ว ถั่วพัลส์ พริก เครื่องในสัตว์ อาหารทะเล ส้ม ฝรั่ง บร็อคโคลี หากร่างกายได้รับวิตามินเหล่านี้ รับรองไม่ป่วยแน่! Boost ระบบภูมิคุ้มกันจากเหล่าวิตามินและแร่ธาตุด้วย IV Drip พร้อมคำปรึกษาจากคุณหมอ แบบ 100% ตรวจระดับวิตามินและสารอาหาร ระบบภูมิคุ้มกันคืออะไร Thrive Vitamin Pack PERSONALIZED VITAMINS

โรคภูมิแพ้ คือโรคที่คนไทยมีสถิติป่วยเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วง 10 ปีที่ผ่านมามีผู้เป็นภูมิแพ้มากขึ้นถึง 3-4 เท่า โดยจากสถิติของสมาคมโรคภูมิแพ้และอิมมูโนวิทยาแห่งประเทศไทย พบว่าในสภาพสังคมที่เป็นเมืองมากขึ้น มลภาวะจากการจราจร โรงงานอุตสาหกรรม พฤติกรรมที่ไม่เอื้อต่อการออกกำลังกาย ฝุ่น Pm2.5 ส่งผลให้ภูมิแพ้อากาศ คือโรคที่คนไทยมีอาการแพ้มากที่สุดค่ะ Thrive Wellness Clinic ชวนหาสาเหตุและวิธีรักษาหากคุณเป็นภูมิแพ้อากาศ ทั้งสาเหตุ อาการ พร้อมเสริมภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงลดอาการภูมิแพ้อากาศที่รุนแรง ภูมิแพ้อากาศ คืออะไร รุนแรงไหม? ภูมิแพ้อากาศ (Allergic Rhinitis) หรือโรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ ไข้ละอองฟาง โรคที่มีสาเหตุประเภทเดียวกัน คือ เกิดจากการอักเสบบริเวณเนื้อเยื่อจมูก หูู ตา ไซนัส และลำคอ เพราะร่างกายมีปฏิกิริยาตอบโต้เมื่อได้รับสารก่อภูมิแพ้ในอากาศโดยเฉพาะ ซึ่งฝุ่นควัน ไรฝุ่น เกสรดอกไม้ หญ้า แมลงสาบ รังแคสัตว์ เชื้อรา ควันบุหรี่ สภาพอากาศ น้ำหอม สารก่อภูมิแพ้ต่างๆ นี้เองที่เป็นสาเหตุกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันชนิดอิมมูโนโกลบูลิน อี (IgE) ให้ตอบสนอง ส่งผลให้เกิดการหลั่งสาร Histamine (ฮีสตามีน) และ Leukotrienes (เม็ดเลือดขาว) ออกมาตามกระแสเลือด และแสดงออกผ่านอาการที่ทำให้เกิดภูมิแพ้อากาศนั่นเองค่ะ เพื่อพยายามป้องกันไม่ให้สารก่อภูมิแพ้นั้นเข้าสู่ร่างกาย เป็นหรือไม่? สำรวจอาการภูมิแพ้อากาศมีอะไรบ้าง น้ำมูกไหล เมื่อสัมผัสต่อสิ่งเร้าต่างๆ คันที่ตา คอ หู หรือเพดานปาก ปวดศีรษะ เสียงเปลี่ยน จมูกไม่ได้กลิ่น จาม ไอ เจ็บคอเรื้อรัง หูอื้อ หรือมีเสียงในหู เปลือกตาบวม น้ำตาไหล ตาแดง ตาบวม อ่อนเพลีย รู้สึกไม่สบายตัว หรือหงุดหงิดง่าย ผิวหนังแห้ง คัน หรือเป็นลมพิษ รู้หรือไม่? ถ้าครอบครัวมีประวัติเป็นภูมิแพ้อากาศ คุณก็มีโอกาสเป็นได้เช่นกัน พ่อหรือแม่เป็น ลูกมีโอกาสเป็นภูมิแพ้อากาศ 50% ทั้งพ่อและแม่เป็น ลูกมีโอกาสเป็นภูมิแพ้อากาศ 60-80% แนะวิธีรักษาอาการภูมิแพ้อากาศ เลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ ภูมิแพ้อากาศเป็นภาวะอาการป่วยที่ไม่รุนแรงมากนักแต่ส่งผลถึงชีวิตประจำวันที่ดำเนินไปอย่างผิดปกติและกวนใจ วิธีการที่จะทำให้คุณห่างไกลจากอาการภูมิแพ้อากาศกำเริบได้ดีที่สุด คือ การไม่พาตัวเองไปอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เสี่ยงต่อสารก่อภูมิแพ้นั่นเองค่ะ แต่ก็เป็นสิ่งที่ยาก เพราะบางคนก็หลีกเลี่ยงให้ไม่ทำงานหรืออยู่อาศัยในเมืองได้ หรือฝุ่นควันภายนอก แต่ยังไงก็ต้องหมั่นทำความสะอาด ห้อง ปลอกหมอน ลดเสี่ยงต่อสิ่งที่คุณมีอาการแพ้นั้นๆ นะคะ เพราะภูมิแพ้อากาศสามารถเกิดภาวะแทรกซ้อนให้เป็นไซนัสอักเสบ หอบหืด เยื่อบุตาอักเสบ หูชั้นกลางอักเสบ ได้ค่ะ เสริมระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง อาการภูมิแพ้อากาศสาเหตุหลักๆ มาจากเรื่องระบบภูมิคุ้มกันที่มีความไวเกินต่อสิ่งเร้า และคิดว่าสารก่อภูมิแพ้นั้นเป็นสิ่งแปลกปลอมจึงเกิดอาการคัน น้ำมูกไหล ไอ จาม เป็นต้น เพื่อป้องกันการเข้าสู่ร่างกาย และการเสริมให้สุขภาพของคุณพร้อมรับมือเมื่อเกิดปฏิกิริยาก็ช่วยรับมือให้อาการทุเลาลงได้ และการมีภูมิคุ้มกันที่ดีก็เป็นเกราะป้องกันได้อย่างดีที่สุดค่ะ โดยผ่านการนอนหลับพักผ่อนที่เพียงพอ เพื่อให้ระบบภูมิคุ้มกันเกิดการซ่อมแซม และปรับสมดุล เสริมสารต้านอนุมูลอิสระที่มาจากผัก ผลไม้ เพราะในวิตามินและแร่ธาตุจะช่วยสนับสนุนการทำงานของเม็ดเลือดขาวให้เป็นไปอย่างปกติ ทางเลือกสุขภาพเสริมภูมิคุ้มกันชาวภูมิแพ้อากาศ ไธรฟ์ แนะนำแพ็คเก็จสำหรับการดูแลเพื่อคนเป็นภูมิแพ้อากาศโดยเฉพาะ ด้วยการรักษาทางสุขภาพที่ใช้การเสริมวิตามินและแร่ธาตุเพื่อสนุบสนุนการทำงานของระบบภายในร่างกาย พร้อมได้รับคำปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดยเฉพาะ คุณจึงหมดกังวลในเรื่องการรับปริมาณการเสริมวิตามินและยาในปริมาณที่ร่างกายไม่ต้องการไปได้เลยค่ะ ผ่าน Vitamin Supplement และ IV Drip Vitamin สูตรสำหรับชาวภูมิแพ้อากาศ เสริมภูมิคุ้มกันโดยเฉพาะโดยเฉพาะ Vitamin Supplement Allergy Support เสริมภูมิคุ้มกัน ต่อต้านภาวะอาการแพ้ต่อฮีสตามีน และภาวะภูมิไวเกินต่ออาการแพ้ อุดมไปด้วย Quercetin, Bromelain สารสกัดจากส่วนต่างๆ ของสับปะรด ช่วยลดการอักเสบ, Stinking nettles extract ที่เป็นพืชพื้นเมืองในยุโรปและอเมริกาเหนือ ราคา 1,200.- 60 capsules Immune Booster เสริมระบบภูมิคุ้มกัน ป้องกันการติดเชื้อจากไวรัสและแบคทีเรีย อุดมไปด้วย Vitamin C, Vitamin D3, Quercetin, Zinc, Folic Acid ราคา 900.- ( 30 capsules ) IV Drip Vitamin Original IV Drip Allergy Defender สูตรเพิ่มภูมิคุ้มกัน ไข้หวัด และป้องกันภูมิแพ้ ราคา 2,990.-/ครั้ง สูตรนี้จะเหมาะสำหรับการเข้าดริปวิตามินแบบต่อเนื่องเป็นประจำ ร่างกายแข็งแรงระดับหนึ่ง เพราะสามารถดึงวิตามินที่เป็นสารตั้งต้นได้รับเข้าสู่กระบวนการทางร่างกายได้ เน้นวิตามินที่สำคัญร่างกายจำเป็นต้องใช้ เช่น Vitamin C B1 B6 Calcium Magnesium NAC (N-Acetyl Cysteine) แต่ก็ยังคงความอ่อนโยน แนะนำสัปดาห์ละ 1 ครั้ง Booster IV Drip Immune Upgrade สูตรที่มีวิตามินซีเข้มข้นและแร่ธาตุต่างๆ ช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันในร่างกาย เหมาะกับผู้เป็นหวัดบ่อย แพ้อากาศหรือภูมิแพ้ ราคา 3,800.-/ครั้ง สูตรเข้มข้นเพื่อเน้นการดูแลสุขภาพซึมลึกถึงระดับเซลล์ ด้วยวิตามิน แร่ธาตุ และ Amino acid ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระระดับสูง ช่วย Boost ระดับวิตามินและ Restore Vitamin level ในร่างกาย เหมาะสำหรับผู้ที่ร่างกายอ่อนล้า ต้องการฟื้นฟูอย่างเร่งด่วน เพราะสามารถดูดซึมและร่างกายนำไปใช้ได้ทันที เสริมด้วย Vitamin C passcobin, CoQ10 ALA L-Carnitine Vitamin B5 Folic Acid Glutathione แนะนำสัปดาห์ละ 1 ครั้ง Advanced IV Drip Mega Dose Vit C เสริมพลังวิตามินรวมกว่า 21 ชนิด Vitamin C Pascorbin และ ALA เสริมสารต้านอนุมูลอิสระเข้มข้นฟื้นฟูผิวพร้อมรับทุกกิจกรรม พร้อมบำรุงผิวสดใส เปล่งปลั่ง เรียบลื่น ราคา 7,500.-/ครั้ง สูตรดริปวิตามินระดับ premium ที่ประกอบ Vitamin, minerals, Amino acid ในระดับสูง (High Dose) และพิเศษ Vitamin C Pascorbin นำเข้าจากเยอรมันและอเมริกาที่อ่อนโยน ยังมี Placenta ที่ช่วยกระตุ้นการทำงานของเซลล์ทุกเซลล์และซ่อมแซมทุกปัญหาของผิว เหมาะสำหรับผิวแพ้ง่าย หรือผู้ที่ไม่อยากเติมวิตามินบ่อยครั้งมากนัก ช่วยบำรุงผิวอย่างเป็นพิเศษ พร้อมสุขภาพดี

คลิกเลือกอ่านเนื้อหาที่สนใจ ... ความดันโลหิต คืออะไร เพราะความดันโลหิตมีปัญหา เกิดเป็นโรคความดันสูง สถานกาณ์โรคความดันโลหิตสูงในไทย ความดันสูง ประเมินเสี่ยงก่อนสาย เพราะหากรู้ตัวอาจรุนแรงระยะสุดท้าย ป้องกันความดันโลหิตสูงง่ายๆ แค่ลด ละ เลิก ปัญหาสุขภาพจากโรคร้ายแรงทั้ง โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง โรคไต โรคเบาหวาน ล้วนมาจากระบบการทำงานในร่างกายมีภาวะไม่สมดุลต่อการทำงาน หนึ่งในสาเหตุที่ส่งผล นั่นคือระบบการไหลเวียนโลหิตที่ผิดปกติและทำงานหนักจนเกิดเป็น ‘โรคความดัน’ ไธรฟ์ เวลเนส คลินิก ชวนสร้างความเข้าใจถึงโรคความดันที่คนไทยป่วยและเสี่ยงสูง อาหารไทยที่เน้นปรุงจัด เช่น ปลาร้า เมนูผัด แกงต่างๆ ส่งผลให้คนไทยเสี่ยงความดันสูง ความดันโลหิต คืออะไร ความดันโลหิต (Blood Pressure) คือ ค่าของแรงดันเลือดที่ถูกสูบฉีดอยู่ภายในหลอดเลือด ซึ่งเกิดได้จากการบีบตัวของหัวใจ เพื่อสูบฉีดเลือดนำออกซิเจนไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกาย โดยความดันเลือดจะเกิดขึ้นทั้งขณะที่หัวใจบีบตัวและหัวใจคลายตัว เพราะเลือดต้องมีการไหลเวียนตลอดเวลาทั่วร่างกาย ดังนั้น ความดันเลือดจะเกิดขึ้นตลอดเวลาเช่นเดียวกัน ค่าความดันโลหิตที่เราวัดกันนั้นจะสามารถวัดได้เป็น 2 ค่า คือ ความดันช่วงบนจากการบีบตัวของหัวใจ (Systolic) ระดับปกติจะอยู่ที่ ต่ำกว่า 120 มิลลิเมตรปรอท ความดันช่วงล่างจากการคลายตัวของหัวใจ (Diatolic) ระดับปกติจะอยู่ที่ ต่ำกว่า 80 มิลลิเมตรปรอท ลองสังเกตกันดูนะคะ วัดความดันโลหิตครั้งหน้า ระดับความดันทั้ง 2 ค่าคุณปกติอยู่หรือเปล่า? เพราะความดันโลหิตมีปัญหา เกิดเป็นโรคความดันสูง เมื่อค่าความดันโลหิตไม่อยู่ในเกณฑ์ปกติ อาจมากกว่า 140/90 มิลลิเมตรปรอทขึ้นไป คือความเสี่ยงในการเกิดโรคความดันโลหิตสูง และนำไปสู่ภาวะที่ความดันทำให้เส้นเลือดเกิดการแข็งตัว เลือดค้างนานเส้นเลือดที่อวัยวะเสื่อม หัวใจขาดเลือด โรคความดันสูง (Hypertension) มักไม่เกิดปัญหาโดยตรงและตรวจไม่พบสาเหตุแน่ชัด แต่มักแฝงไปด้วยภาวะโรคแทรกซ้อนอื่นๆ ตามมา เช่น โรคไต เบาหวาน หลอดเลือดแดงตีบ หลอดเลือดไตตีบ เสี่ยงเกิดเนื้องอกบบริเวณต่อมใต้สมองและต่อมหมวกไต เส้นเลือดในสมองอุดตัน ไตวายเรื้อรัง สถานการณ์โรคความดันโลหิตสูงในไทย โรคความดันโลหิตสูง ถูกจัดให้เป็นโรคที่มีปัญหาทางสุขภาพต่อประชากรโลก เพราะมีอัตราการเสียชีวิตสูงและเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ มีการคาดการณ์ว่าในปี 2568 จะมีผู้ป่วยทั่วโลกราว 1.56 พันล้านคน ในประเทศไทยเอง ก็เป็นไปตามแนวโน้มของการเพิ่มขึ้นในอัตราผู้ป่วยโลกเช่นเดียวกัน จากการสำรวจผู้ที่มีอายุ 15 ปีขึ้นไป เพิ่มขึ้นจาก 10 ล้านคนในปี 2552 เป็น 13 ล้านคน ในปี 2557 และผู้ที่มีภาวะเสี่ยงความดันโลหิตสูงประมาณ 10 ล้าน ความน่ากังวลคือ กว่า 70% ไม่รู้ตัวว่าป่วยด้วยโรคความดันโลหิตสูง เนื่องจาก โรคนี้ไม่ได้มีอาการที่สามารถบอกได้ชัดเจนจนกว่าจะได้รับการวัดค่าความดันเลือด โรคความดันสูง ไม่มีสัญญาณเตือนและเกิดได้กับทุกคน แต่ในวัยผู้ใหญ่พบสูงถึง 25-30% และพบในเพศชายบ่อยกว่าเพศหญิง ความดันสูง ประเมินเสี่ยงก่อนสาย เพราะหากรู้ตัวอาจรุนแรงระยะสุดท้าย มีอาการเวียนศีรษะ ตึงช่วงต้นคอ มักมีอาการช่วงตื่นนอน หากมีภาวะความดันสูงเป็นเวลานนานจะมีอาการใจสั่น อ่อนเพลีย ตาพร่ามัว เลือดกำเดาไหล สาเหตุอาจเกิดได้จาก ภาวะทางอารมณ์ (ความเครียด), การออกกำลังกาย, ดื่มแอลกอฮอล์ หรือ คาเฟอีน, พันธุกรรม, น้ำหนักตัวเกินมาตรฐาน, รับประทานอาหารเค็มจัด, รับประทานยาบางชนิด เช่น ยาคุมกำเนิด ยารักษาโรคไข้หวัด ยาลดความอ้วน ยาแก้ปวด ดื่มน้ำน้อย ส่งผลให้ระบบไหลเวียนทำงานหนัก เลือดมีความข้น หนืด ส่งผลให้ความดันเลือดสูง ป้องกันความดันโลหิตสูงง่ายๆ แค่ลด ละ เลิก ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ กระตุ้นการไหลเวียนเลือด ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน เพื่อลดความเสี่ยโรคแทรกซ้อน จำกัดปริมาณโซเดียมที่ควรได้รับต่อวัน ไม่ควรเกิน 1 ช้อนชา ลดการทานอาหารที่มีกุ้งแห้ง ผักกาดดอง ปลาหมึกแห้ง ปลาร้า หอยดอง บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ขนมซอง เพราะมีปริมาณโซเดียมสูง ดูแล Mental Health ให้ไม่เครียดเกินไป สุขภาพจิตดี ผ่อนคลายช่วยลดความเสี่ยงได้ รับประทานที่ดี เช่น อะโวคาโด กล้วยหอม ปลาแซลมอน ช่วยให้ร่างกายขับโซเดียมทางปัสสาวะได้มากขึ้น รับประทานผัก ผลไม้ ธัญพืช นมไขมันต่ำ รับการตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปี เพราะการตรวจสุขภาพจะสามารถป้องกัน และทราบได้อย่างแน่ชัดว่าคุณมีภาวะความดันสูงหรือไม่ แนะนำการตรวจสุขภาพที่ ไธรฟ์ เวลเนส คลินิก ได้รับบริการตรวจที่ครอบคลุมในทุกเรื่องของสุขภาพ พร้อมได้รับคำปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญถึงระบบการทำงานในร่างกาย พฤติกรรมที่สามารถส่งผลถึงโรคแทรกซ้อน และยังเสริมด้วยวิธีการรักษาที่ไม่พึ่งยาเพื่อลดภาวะโรคแทรกซ้อนที่อาจตามมา พร้อมเข้ารับบริการได้อย่างสะดวก ไม่ต้องรอนาน บรรยากาศที่คลินิกผ่อนคลาย เป็นกันเอง ตรวจยีนพันธุกรรมด้วยย DNA ตรวจสุขภาพเชิงลึก Chelation Therapy --------- สนใจเข้ารับการตรวจสุขภาพติดต่อ Thrive Wellness Clinic 🌿 ไธรฟ์ คลินิก โครงการ The Crystal เลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา เฟส 1 ชั้น 2 📱โทร. 0959349640 💬Line @thrivewellnessth 📺instagram.com/thrivewellnessth 🕙เปิดทุกวัน 10:00-20:00

คลิกเลือกอ่านเนื้อหาที่สนใจ ... 5 Checklist! อาการเสี่ยง Office syndrome ชวนรู้จักออฟฟิศซินโดรม อาการ Office syndrome ปวดหลังแค่ไหนถึงเรียก Office syndrome? สาเหตุใดที่ทำให้เกิดอาการ Office syndrome แก้อาการ Office syndrome ทำอย่างไร ฟื้นฟู Office syndrome ลดกล้ามเนื้ออักเสบเรื้อรังด้วย PRP Office syndrome อาการปวดเมื่อยจากพฤติกรรมการทำงานที่ผู้คนเริ่มเป็นกันมากที่สุดในปัจจุบัน และ Office syndrome ยังไม่ได้เกิดขึ้นแค่กับผู้ที่นั่งทำงานในออฟฟิศเพียงเท่านั้นแต่ยังปวดเรื้อรังต่อเนื่องอีกหลายพฤติกรรมที่คุณก็อาจเป็นอยู่ ไธรฟ์ ชวนเรียนรู้วิธีรับมือกับภาวะ Office syndrome โรคฮอตฮิตที่คุณก็อาจเป็นอยู่กันค่ะ 5 Checklist! อาการเสี่ยง Office syndrome นั่งทำงาน หรือยืนทำงานทุกวัน ไม่ค่อยได้ขยับตัว มือชา ปวดหลัง ปวดเอว คอ บ่า ไหล่ บ่อยๆ นิ้วล็อคจากกการจับเมาส์ หรือกดโทรศัพท์นานๆ ปวดข้อมือ ชวนรู้จักออฟฟิศซินโดรม ออฟฟิศซินโดรม (Office Syndrome) คือ อาการที่ใช้กล้ามเนื้อมัดเดิมนานๆ เป็นระยะเวลานานต่อเนื่อง จนเกิดอาการปวดกล้ามเนื้อและเยื่อพังผืดชา อักเสบ ส่งผลให้คุณรู้สึกปวดเมื่อยตามบริเณ คอ หลัง บ่า ไหล่ แขน หรือข้อมือ อาการปวดกล้ามเนื้อชนิดนี้มักถูกพบในผู้ที่มีพฤติกรรมการนั่งทำงานนานๆ หรือหน้าจอคอมพิวเตอร์นานๆ เป็นประจำทุกวัน ซึ่งมักเกิดในผู้ที่ทำงานออฟฟิศเป็นประจำ จึงถูกนำมาตั้งเป็นชื่อ ออฟฟิศซินโดรมนั่นเองค่ะ อาการ Office syndrome ปวดหลังแค่ไหนถึงเรียก Office syndrome? ปวดกล้ามเนื้อเป็นเฉพาะจุด เช่น คอ บ่า ไหล่ สะบัก มีอาการปวดแบบกว้างๆ บอกไม่ถูกว่าปวดตรงส่วนไหน มีอาการปวดล้า สามารถปวดน้อยจนถึงปวดรุนแรงทรมานได้ หากเป็นหนักเรื้อรังจะมีอาการปวดหัวร่วมด้วย อาจมีอาการเหน็บชา รู้สึกซ่าๆ ร่วมด้วย สาเหตุใดที่ทำให้เกิดอาการ Office syndrome การนั่งทำงานหลังค่อมหน้ายื่น ระดับโต๊ะและเก้าอี้ ไม่เหมาะสมกับการนั่งนานๆ อย่างน้อย 6 ชั่วโมงต่อวัน นั่งทำงาน หรือยืนทำงานในลักษณะเดิมๆ ทั้งวัน ทุกวัน จนรู้สึกปวดในระหว่างทำงานร่วมด้วย เช่น พนักงานออฟฟิศ พนักงานขาย พนักงานขับรถ ก้มหน้าใช้งานโทรศัพท์มือถือเป็นเวลานาน จนเกิดอาการตึง ปวด ใช้แรงงานเป็นประจำ หรือนักกีฬา อาจทำให้เกิดการกระชากกล้ามเนื้อเร็วเกินไป การออกแรงที่มาก หรือต้องแบกของที่มีน้ำหนักมาก ส่งผลให้กล้ามเนื้อหรือกระดูกได้รับบาดเจ็บเฉียบพลัน พักผ่อนไม่เพียงพอ มีความเครียดสูง หรือเครียดสะสม ออกแรงมากไป หรือไม่ออกแรงเลย ก็เสี่ยงเป็น Office syndromeได้ แก้อาการ Office syndrome ทำอย่างไร แบ่งช่วงเวลาให้มีการขยับตัว ไม่อยู่ในท่าเดิมนานๆ ปรับโต๊ะทำงานให้จอคอมพิวเตอร์ แป้นพิมพ์ เก้าอี้ อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม ยืดกล้ามเนื้อ และออกกำลังกายเป็นประจำ เพื่อให้กล้ามเนื้อทุกส่วนได้ใช้งาน ลดความเสี่ยงที่ต้องใช้ร่างกายหนัก ควรหาอุปกรณ์หรือคนนช่วยเพื่อไม่รับน้ำหนักมากเกินไป หลีกเลี่ยงการก้มเงย หรือเอี้ยวบิดตัวที่มากเกินไป พักผ่อนให้เพียงพอ และสร้าง work life balance ปรับเปลี่ยนสภาพแวดล้อมให้ปลอดโปร่ง ไม่อุดอู้ หากทำตามคำแนะนำข้างต้นแล้วยังไม่เป็นผล อาการปวดกล้ามเนื้อไม่ดีขึ้น หรือปวดหัว นอนไม่หลับ ร่วมด้วย อาจมีภาวออฟฟิศซินโดรมเรื้อรัง หากปล่อยไว้นานอาจส่งผลให้กล้ามเนื้อแขนขาอ่อนแรง ร่างกายขาดวิตามินและสารอาหารที่จำเป็น ควรเข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อหาสาเหตุที่แก้ไขอย่างตรงจุด ลดภาวะป่วยแทรกซ้อนที่อาจแก้ไขไม่ทัน ฟื้นฟู Office syndrome ลดกล้ามเนื้ออักเสบเรื้อรังด้วย PRP เพราะอาการออฟฟิศซินโดรมเรื้อรัง ส่งผลถึงระบบกล้ามเนื้อ ระบบประสาท และอาจส่งผลให้ฮอร์โมนผิดปกติ เกิดภาวะความเครียดสะสมที่เป็นตัวเร่งปัญหาทางด้านสุขภาพ ไธรฟ์ เวลเนส คลินิก แนะนำแผนการรักษาจากอาการปวดกล้ามเนื้อ ปวดกระดูกโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ด้วยวิธี PRP เพื่อซ่อมแซมข้อต่อ กล้ามเนื้อ อาการบาดเจ็บหรืออักเสบ เรื้อรัง ช่วยลดอาการบาดเจ็บ กระตุ้นกระบวนการสมานแผล และฟื้นตัวให้เร็วยิ่งขึ้น เช็กฮอร์โมนไม่สมดุล วิตามินเฉพาะบุคคล PERSONALIZED VITAMINS ภาวะต่อมหมวกไตล้า อาการเบิร์นเอาท์ หรือ ภาวะหมดไฟ

คลิกเลือกอ่านเนื้อหาที่สนใจ ... ภูมิแพ้ คืออะไร เกิดได้อย่างไร? อาการแบบนี้ คือภูมิแพ้หรือเปล่า ภูมิแพ้และระบบภูมิคุ้มกัน เพราะการรักษาที่ดีที่สุด คือการป้องกันไม่ให้เกิดภูมิแพ้ อาการคัดจมูก น้ำมูกไหล ผื่นคัน อาการภูมิแพ้ที่มักเป็นประจำเกิดจากอะไร อาการแบบนี้อันตรายถึงชีวิตเราหรือไม่? และเราเป็นกลุ่มเสี่ยงแนวโน้มมนุษย์ภูมิแพ้ที่เพิ่มขึ้นทุกปีหรือเปล่า? เรียนรู้และเข้าใจเรื่องภูมิแพ้ผ่าน ไธรฟ์ เวลเนส คลินิก กันค่ะ ภูมิแพ้ คืออะไร เกิดได้อย่างไร? โรคภูมิแพ้ (Allergy) คือ โรคที่เกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกัน เกิดจากการที่ภูมิคุ้มกันมีปฏิกิริยาไวเกินต่อสารก่อภูมิแพ้ ซึ่งสารที่ตอบสนองนั้นสามารถพบได้ทั่วไป เช่น อาหาร ไรฝุ่น ละอองเกสร อาการแบบนี้ คือภูมิแพ้หรือเปล่า ภูมิแพ้ทางเดินหายใจ โรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ มีอาการคัดจมูก น้ำมูกไหล หรือทำให้เกิดโรคหืด มีอาการไอ แน่นหน้าอก เหนื่อย หอบ หายใจมีเสียงหวีด ภูมิแพ้อาหารและยา มักเกิดผื่นคันแบบลมพิษ หน้าบวม ปากบวม แน่นคอ แน่นหน้าอก เป็นลมหมดสติ ความดันโลหิตต่ำ จนถึงขั้นเสียชีวิต ภูมิแพ้ผิวหนัง ทำให้เกิดผื่นแดง ผื่นคันเรื้อรัง ลักษณะผิวแห้งลอก มักเกิดตามข้อพับ แขนขาและลำคอ ภูมิแพ้ตา มักทำให้เกิดเยื่อบุตาอักเสบ มีอาการคันตา เคืองตา ตาแดง ตาบวม ภูมิแพ้และระบบภูมิคุ้มกัน โรคภูมิแพ้เกี่ยวข้องโดยตรงกับระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายของเราค่ะ เนื่องจากสารภูมิต้านทาน (Antibody) ที่เรียกว่า อิมมูโนโกบูลิน (IgE) ขึ้นมาเพื่อทำลายสารก่อภูมิแพ้ผ่านระบบต่างๆ เข้าสู่กลไกร่างกาย เมื่อ IgE ทำงานก็จะทำการส่งสัญญาณผ่านเซลล์ในร่างกาย ปล่อย ฮีสตามีน (Histamine) ออกมา ซึ่งเมื่อ ฮีสตามีนมีเพิ่มมากขึ้น ก็ส่งผลกลับมาสู่อาการระคายเคืองต่างๆ ของอวัยวะในร่างกาย เช่น ผิวหนัง จมูก คอ ปอด เพราะการรักษาที่ดีที่สุด คือการป้องกันไม่ให้เกิดภูมิแพ้ ปัจจุบันอาการภูมิแพ้ยังไม่มีการรักษาที่หายขาด และด้วยสภาพแวดล้อมไม่ว่าจะฝุ่น ควัน อาหาร ล้วนเสี่ยงและพบเจอทุกวัน ซ้ำอาการภูมิแพ้อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อแม้วันนี้คุณอาจจะไม่เคยเป็นมาก่อน การทดสอบเพื่อหาสารก่อภูมิแพ้จึงเป็นวิธีการป้องกัน เพื่อให้คุณมีสุขภาพที่ห่างไกลจากอาการแพ้ ตรวจภูมิแพ้เฉียบพลัน IgE ทำอย่างไร สามารถนัดหมายเข้าตรวจที่ ไธรฟ์ เวลเนส คลินิก โดยไม่จำเป็นต้องงดอาหาร น้ำ หรือยา ใช้วิธีการเจาะเลือดประมาณ 3 cc. โดยจะทราบผลภายใน 2-5 วัน Package ตรวจภูมิแพ้อาหารแบบเฉียบพลันที่ไธรฟ์ เวลเนส คลินิก ตรวจ IgE รวม 40 รายการ Inhalation 20 รายการ + Food Profile 20 รายการ ❇️ ราคา 5,400 บาท ตรวจ IgE Inhalation 20 รายการ ❇️ ราคา 3,900 บาท ตรวจ IgE Food Profile 20 รายการ ❇️ ราคา 3,900 บาท ตรวจ IgE Thailand Profile 36 รายการ รวม Inhalation + Food Profile ❇️ ราคา 4,500 บาท Immune System ระบบภูมิคุ้มกัน ตรวจเช็กโรคภูมิแพ้เพิ่มเติม ตรวจเช็กสารก่อภูมิแพ้ Ige ตรวจเช็กสารก่อภูมิแพ้อาหารแฝง IgG เช็กอาการภูมิแพ้ผื่นอากาศ ภูมิแพ้ขนสัตว์

คลิกเลือกอ่านเนื้อหาที่สนใจ ... SLE คืออะไร เกิดขึ้นได้อย่างไร สาเหตุของโรคแพ้ภูมิตัวเอง สัญญาณอาการเริ่มแรกของโรคแพ้ภูมิตัวเอง อันตรายของโรค SLE เมื่อเกิดภาวะทำร้ายตัวเอง โรคแพ้ภูมิตัวเอง ชื่อก็บอกแน่ชัดแล้วว่าเกี่ยวข้องกับภูมิแพ้ แต่ต่างตรงที่ ปกติอาการภูมิแพ้มักเกิดจากสิ่งเร้าภายนอก ทั้ง ฝุ่น อาหาร ขนสัตว์ แต่ โรค SLE นี้เกิดจากการอักเสบแพ้ตัวเองภายใน และส่งผลอาการมาสู่ภายนอกผ่านร้อนใน ผื่นแพ้แดด และลามไปอวัยวะภายในที่เกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้มกัน โรคที่น่ากังวลจากการเกิดกับนักร้องดัง จนได้ชื่อว่า โรคพุ่มพวง และบางรายยังมีเอฟเฟกต์กับการฉีดวัคซีน อีก ทำความรู้จักกับ โรคแพ้ภูมิตัวเอง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดแก่ตัวเองกันค่ะ ชวนรู้จักโรคแพ้ภูมิตัวเอง คืออะไร เกิดขึ้นได้อย่างไร? โรค SLE (Systemic Lupus Erythematosus) หรือ โรคลูปัส เป็นอีกชื่อเรียกของโรคแพ้ภูมิตัวเอง คือ โรคที่มีความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกันในตัวเอง เกิดจากภาวะที่เม็ดเลือดขาวทำงานผิดปกติไป จากที่ต้องคอยกำจัดเชื้อโรค ไวรัส แบคทีเรีย เมื่อบุกรุกเข้ามาสู่ร่างกาย แต่กลับหันมาทำลายเซลล์ร่างกายตัวเองแทน ส่งผลให้อวัยวะในร่างกายเกิดการอักเสบเรื้อรัง โดยเฉพาะ ผิวหนัง ข้อ ระบบเลือด ไตและระบบประสาทส่วนกลาง ซึ่งเมื่อเกิดขึ้นแล้วอาจเป็นตลอดชีวิต โรค SLE เพศหญิงมีความเสี่ยงมากกว่าเพศชายถึง 9 เท่า และพบในคนผิวดำ ผิวเหลืองมากกว่าคนผิวขาว! สาเหตุของโรคแพ้ภูมิตัวเอง สาเหตุของการเกิดโรคภูมิแพ้ตัวเองนั้นมีหลายสาเหตุและยังไม่แน่ชัด แต่นักวิจัยหลายคนเชื่อว่าอาจเกิดจาก พันธุกรรม เกิดการติดเชื้อไวรัส หรือ โรคอื่นๆ ภายในร่างกาย เกิดการกระตุ้นโรคจากแสงแดดที่มากเกินไป ความเครียด การใช้ยาบางชนิด เช่น methyldopa, procainamide, hydralazine, isoniazid, chlorpromazine เป็นต้น ที่มีส่วนควบคุมความดันเลือด ยาปฏิชีวนะ ฮอร์โมนเกิดการเปลี่ยนแปลง ไม่สมดุล โดยเฉพาะช่วงตั้งครรภ์ ช่วงวัยเจริญพันธ์ สัญญาณอาการเริ่มแรกของโรคแพ้ภูมิตัวเอง ปวดข้อ ข้อบวม อ่อนเพลีย อ่อนแรง ปวดเมื่อยตามตัว เบื่ออาหาร ผมร่วง พูดไม่ชัด พูดช้า มีไข้ต่ำๆ จนถึงไข้สูง มีไข้เรื้อรัง ไม่หายขาด ผื่นผิวหนังบริเวณ หู แขนขา ลำตัว แพ้แสง เกิดผื่นแดง โดยเฉพาะผิวที่โดนแดด มีผื่นแดงบริเวณโหนกแก้มและจมูก คล้ายผีเสื้อ เป็นร้อนในบ่อยๆ หรือมีแผลในปากส่วนใหญ่เกิดขึ้นบริเวณเพดาน มีภาวะโลหิตจาง ผิวซีด เจ็บหน้าอกหายในลำบาก ตาแห้ง ปากแห้งไม่หาย มีอาการชัก อันตรายของโรค SLE เมื่อเกิดภาวะทำร้ายตัวเอง เมื่อระบบภูมิคุ้มกันทำงานผิดปกติ ส่งผลต่อการทำลายอวัยวะในตัวเอง นั่นคือสิ่งอันตรายที่สุดที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ นอกจากการสังเกตตัวเอง และเข้ารับการตรวจวินิจฉัยจากแพทย์เท่านั้น โรค SLE ส่งผลต่อระบบอวัยวะภายในที่รุนแรง ถึงขั้น ไตอักเสบ, เยื่อหุ้มปอดอักเสบ, เยื่อหุ้มสมองอักเสบ, กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ, ติดเชื้อในกระแสเลือด, โรคหลอดเลือดหัวใจ, โรคหลอดเลือดสมอง หรือความจำเสื่อม เป็นต้น ความเสี่ยงของการแก้ปัญหาโรคที่เกิดจากระบบภูมิคุ้มกัน เมื่อเกิดขึ้นแล้วนั้นเป็นสิ่งที่ยากจะแก้ไข การเข้ารับการตรวจวินิจฉัย ตรวจการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ฮอร์โมนไม่สมดุล ตรวจวินิจฉัยเลือด จึงเป็นแนวทางการรักษาและป้องกันได้ดีที่สุด และอัตราการเสียชีวิตจากผู้ป่วย โรคแพ้ภูมิตัวเอง มักเกิดจากภาวะแทรกซ้อนของอวัยวะภายใน การตรวจสุขภาพประจำปีจึงเป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กัน Thrive Wellness Clinic มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบฮอร์โมนและระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย รับปรึกษาปัญหาด้านสุขภาพ พร้อมแนะแนวทางให้คุณมีสุขภาพดีแบบองค์รวม รักษาอาการบกพร่องโดยไม่ใช้ยา _____________________ Thrive Wellness Clinic 🌿 ไธรฟ์ คลินิก โครงการ The Crystal เลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา เฟส 1 ชั้น 2 👩🏻‍⚕️ปรึกษาแพทย์ก่อนรับบริการ 📱โทร. 095-934-9640 📟Line @thrivewellnessth 🕙เปิดทุกวัน 10:00-19:30 www.thrivewellnessth.com

คลิกเลือกอ่านเนื้อหาที่สนใจ ... Bach Flower คืออะไร? Bach Flower เกิดขึ้นได้อย่างไร? ทำไมต้อง Bach Flower ทำไมเขาคนนั้นถึงมองโลกสวยงามขนาดนี้? แต่ตัดภาพมาที่ฉันสิแค่จะปฏิเสธออกไปยังไม่กล้า ตัดปัญหาที่เข้ามาไม่เคยขาดสักที ลังเลใจสุดๆ ไม่กล้าตัดสินใจ ภาวะที่ไม่อาจสั่งจิตใจได้ จนนำไปสู่ความเครียด ย้ำคิดย้ำทำไปมา Dr.Bach แพทย์ชาวอังกฤษ กล่าวว่า "สภาวะจิตใจและอารมณ์มีผลต่อการเจ็บป่วยทางร่างกายของมนุษย์ หรือ Psychoanalytic Theory ของ ซิกมันด์ ฟรอยด์ นักประสาทวิทยา อธิบายถึงอาการป่วยที่ไม่สามารถวินิจฉัยทางกายได้ ว่าล้วนเกิดขึ้นได้จากจิตใจ" ด้วยเหตุผลนี้จึงเป็นเหมือนข้อสันนิษฐานกลายๆ ได้ว่าความคิดที่จิตหมกมุ่นอยู่ทุกขณะๆ ทำให้เกิดโรคทางจิตเภทเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ผสมกับความกดดันทางสังคมในปัจจุบัน ก่อร่างจนเกิดเป็นภาวะโรคซึมเศร้า โรคเครียดสะสม โรคแพนิค และเอฟเฟกต์ออกมาผ่านร่างกายที่ดูห่อเหี่ยว ไม่อยากอาหาร หัวใจเต้นเร็ว มือ เท้าสั่น ปวดศีรษะ เครียดลงกระเพาะในที่สุด แม้ปัจจุบันจะมีศาสตร์ทางการแพทย์เพื่อใช้ยาปรับสารเคมีในสมอง หรือเสริมสร้างสุขภาพทางกายอย่างดีเพื่อฟื้นฟูถึงระดับจิต แต่ถึงอย่างนั้นเพราะนิสัยของแต่ละคนมีความเฉพาะตัวไม่ต่างกับร่างกาย บางการรักษาจึงอาจไม่ส่งผล Bach Flower จึงถูกค้นคว้าขึ้นเพื่อตอบสนองต่อภาวะทางจิตใจที่ไม่อาจควบคุมได้ หรือจับต้องได้ ไธรฟ์ เวลเนส คลินิก ชวนรู้จักสสารของดอกไม้รักษาใจที่ถูกสกัดขึ้นจนเกิดเป็น Bach Flower Therapy สมุนไพรบำบัด ศาสตร์แห่งการปรับสมดุลทางจิตที่ถูกวิจัยมามากกว่าร้อยปี Bach Flower คืออะไร? Bach Flower (ดอกไม้รักษาจิต) คือ ทางเลือกการบำบัดที่มุ่งเน้นเพื่อช่วยเยียวยาด้านอารมณ์ จิตใจ ความรูสึก ปรับสมดุลในระดับจิตสำนึกของมนุษย์ อาจคล้ายกับศาสตร์แห่งสมุนไพรบำบัด แต่ไม่ได้ใช้กลิ่นมาเป็นตัวบำบัด Bach Flower Remedies เกิดจากสารสกัดน้ำมันของกลีบดอก และเกสรดอกไม้ ด้วยกระบวนการที่นำคุณสมบัติของดอกไม้มาทำงานกับอารมณ์ จัดกลุ่มรักษาอาการทางจิตใจได้ 7 กลุ่ม ในแต่ละกลุ่มใช้บุปผชาติบำบัด หรือชนิดของดอกไม้ แตกต่างกัน โดยเป็นสารสกัดจากน้ำดอกไม้ 37 ชนิดและน้ำจากแหล่งธรรมชาติ 1 ชนิด รวมเป็น 38 ชนิด เรียกว่า 38 Remedies ได้แก่จึงถือว่าเป็นทางเลือกใหม่แห่งการรักษา ด้วยกระบวนการที่เรียบง่าย ปลอดภัย และได้ประสิทธิภาพสูง 7 กลุ่มอารมณ์กับ 38 Remedies Dr.Bach แบ่งอารมณ์มนุษย์ออกเป็น 7 กลุ่ม 1. Fear : ความกลัว 2. Uncertainty : ความไม่มั่นใจ หรือไม่มั่นคง 3. Not sufficient in present circumstances : การไม่อยู่กับปัจจุบัน 4. Loneliness : ความเหงา โดดเดี่ยว 5. Over-sensitivity to influences and idea : ไวต่อสิ่งเร้าและความคิดมากเป็นพิเศษ 6. Despondency or Despair : ความท้อแท้ หรือสิ้นหวัง 7. Over-care for the welfare of other : การหมกมุ่น กังวล หรือห่วงสิ่งอื่นมากเกินไป Bach Flower เกิดขึ้นได้อย่างไร? การรักษาเยียวยาใจจากดอกไม้ของ Bach Flower เกิดขึ้นจากการวิจัยของ Dr. Edward Bach นายแพทย์ชาวอังกฤษ จบการศึกษาจาก University Collage in London ในปี ค.ศ.1912 และได้เปิดศูนย์ให้คำปรึกษาด้านสุขภาพ และทำงานวิจัยทางด้าน Immunology (ภูมิคุ้มกันวิทยา) และ Bacteriologist (นักแบคทีเรียวิทยา) ที่ University Collage ในปี ค.ศ.1919 Dr.Bach ให้ความสนใจศึกษาด้านอารณ์และบุคลิกภาพของมนุษย์ จึงเริ่มนำพืชพันธุ์ชนิดต่างๆ มาค้นคว้าวิจัย จนในปี ค.ศ.1930 Dr.Bach ทุ่มเทการค้นคว้าและเกิดเป็น Bach Flower Remedies หรือดอกไม้รักษาจิตในที่สุด และได้ก่อตั้ง Bach Centre ที่ Mount Vernon ประเทศอังกฤษ เป็นสถานที่ศูนย์กลางดำเนินงานด้านการวิจัยและรักษาผู้ป่วยด้วยวิธี Bach Flower และปัจจุบันพัฒนาจนเกิดศูนย์ Bach Center กว่า 50 ประเทศทั่วโลก แต่ละบุคคลจะพบเจอกับเหตุการณ์ในแต่ละช่วงวัยไม่เหมือนกัน ประสบการณ์ สภาพแวดล้อมทางครอบครัว เพื่อน สังคม ล้วนเป็นปัจจัยที่กระทบบุคคลิกความเป็นมนุษย์หนึ่งคน และส่งผลต่อ Personality หรือบุคคลิก ซึ่งสอดคล้องกับ ภาวะทางอารมณ์ บ่มเพาะเป็นลักษณะนิสัยและบุคลิกภาพเฉพาะ ที่แสดงออกมา ซึ่ง ดร.บาค เองได้เปรียบเทียบจิตใจของมนุษย์ไว้เหมือนกับ ‘หัวหอม’ ที่มีการแบ่งเป็นชั้นๆ และในแต่ละชั้นคืออารมณ์ ลักษณะนิสัยและความนึกคิดที่หลากหลาย พอกพูนคลุมทับจิตของเราและขาดความสมดุลในที่สุด ซึ่งแต่ละคน หรือหัวหอมแต่ละลูกก็มีชั้นที่หนาบางไม่เท่ากัน การรักษา Bach Flower เสมือนกับการค่อยๆ ‘ปอกหัวหอม’ ออกทีละชั้นอย่างเป็นระบบ เพื่อค้นพบตัวตนที่ถูกปกคลุมเอาไว้ ดังนั้น ขั้นตอนจึงต้องใช้เวลาระยะหนึ่งเพื่อให้เข้าใจจิตใจของผู้รับการบำบัดเองด้วย ปรับสมดุลทางจิตใจผ่านสารสกัดดอกไม้ เหมาะกับใครบ้าง สภาวะทางจิตใจที่แบกรับความเครียด สามารถเกิดขึ้นได้แม้แต่วัยเด็ก วัยรุ่น วัยทำงาน จนถึงวัยชรา ความน่ากังวลของโรคซึมเศร้า แพนิค วิตกกังวล หมกมุ่น มักเกิดจากการขาดสมดุลภายในจิตใจและร่างกาย ไม่มีอาการเจ็บป่วยอย่างแน่ชัด (เมื่อคุณเริ่มเป็น) ยิ่งกกลไกทางจิตใจของมนุษย์ซับซ้อน คุณยิ่งไม่มีทางนึกได้เลยเหตุการณ์ไหนที่สภาวะทางด้านจิตใจคุณไม่สามารถรับไหว การเรียนรู้ ยอมรับและหาทางป้องกัน ปรับเปลี่ยนสมดุลเริ่ม จึงเป็นการลดความเสี่ยงปัญหาสุขภาพที่ตามมาได้ ผู้ที่มีความเครียดสะสม ความเครียดแฝง โดยอาจเกิดจากความกดดันจากสิ่งแวดล้อมโดยที่คุณไม่รู้ตัว ทั้งการงาน การเงิน เศรษฐกิจ สั่งคม หรือการเสพข่าวต่างๆ ในระยะยาวมักจะส่งผลต่อร่างกาย และจิตใจโดยไม่ทันรู้ตัว ผู้ที่อยู่ในวัยเรียน ที่จะต้องเผชิญกับความกดดัน หรือความเปลี่ยนแปลง เช่น การสอบวัดระดับ การแข่งขัน หรือการก้าวเข้าสู่ 1st Jobber ก็ตาม ผู้ที่มีบทบาทผู้ปกครอง โดยเฉพาะ ผู้ปกครองที่ลูกเข้าสู่วัยรุ่น คุณแม่ตั้งครรภ์ และคุณแม่หลังคลอด ที่อาจจะมีภาวะซึมเศร้าแบบชั่วคราว เนื่องจากฮอร์โมนเหวี่ยงจากการตั้งครรภ์และคลอดบุตร รวมถึงความกังวล หรือการพักฟ่อนน้อย ส่งผลต่อจิตใจและร่างกายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ รวมถึงคุณพ่อ คุณแม่ที่มีลูกวัยรุ่น และจะต้องจัดการอารมณ์ในการเลี้ยงดูลูกในวัยรุ่นที่อาจไม่ได้เป็นเด็กเล็กๆที่เชื่อฟังพ่อแม่อีกต่อไป หรือเจอภาวะต่อต้าน เป็นต้น ผู้ที่เผชิญภาวะ Toxic Relationship ไม่ว่าจะอกหัก รักคุด ทำใจไม่ได้ โดนทิ้ง โดนทำร้ายจิตใจ หรือปัญหาทะเลาะเบาะแว้งในครอบครัว หรือแม้แต่ความโศกเศร้าจากการสูญเสียคนรัก หรือคนในครอบครัวไป ซึ่งเกิดจากภาวะทางอารมณ์ ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่เก็บความรู้สึกมากๆโดยไม่เคยระบายออกเลย หรือผู้ที่ต้องการความสนใจ ผู้ที่ไม่กล้าตัดสินใจ Bach Flower จะช่วยให้คุณเข้าใจ และยอมรับความรู้สึกของตน และพร้อมที่จะปรับตัว แก้ไขปัญหาด้านความสัมพันธ์ไปได้ ไธรฟ์ เวลเนส คลินิก พบว่าการรักษาแบบบูรณาการ ทั้งตะวันตกและตะวันออก จะช่วยผู้ที่มีภาวะทางอารมร์ต่างๆได้ รวมถึง แนวทางการรักษา ภาวะความเครียดแฝงจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และนักบำบัด ซึ่งผ่านการศึกษา ฝึกฝน และดูแลเคสมากว่า 5 ปี นอกจากนั้น จะมีการใช้ข้อมูลสุขภาพวิเคราะห์ผลจากฮอร์โมนขาดสมดุล และระบบลำไส้ที่ผิดปกติ เพื่อตัดปัญหาโรคร้ายต่างๆ ที่อาจไม่จบแค่โรคซึมเศร้า ผ่านโปรแกรมการตรวจ Depression, Anxiety, Fatigue Package และ Bach Flower ควบคู่ไปพร้อมกัน โดยไม่ต้องงดการทานยาตัวปัจจุบัน ไม่ต้องกังวลว่าจะโดนว่า "บ้า" การคุยกับนัดบำบัด คือการ Treat ด้านอารมณ์แขนงหนึ่ง ซึ่งเป็นที่ยอมรับระดับโลก ผู้บริหารระดับสูง หรือผู้ที่ต้องทำงานภายใต้ความกดดัน มักจะมีคอร์สนักบำบัด เพื่อช่วยในการบริหารสมดุลด้านอารมณ์และจิตใจ Relate Topic สาเหตุที่คนเป็นซึมเศร้า นักบำบัด หรือหมอจิตเวช ต่างกันอย่างไร

ได้ทานของหวานๆ ทีไรก็มีแรงฮึดสู้ทุกที แถมอร่อยทุกเมนู บิงซู ชาไข่มุก โค้กซ่าๆ เยียวยาจิตใจได้ตลอด จะให้เลิกก็คงยาก แต่หนักหวานเกินไปทั้งวันขนาดนี้ ก็กลัวน้ำตาลในเลือดสูงปรี๊ด! มาทำความรู้จักและแบ่งสัดส่วนอาหาร ให้ทานอย่างไรเราถึง ‘เบา’ ‘หวาน’ ลงได้บ้าง? ที่ไธรฟ์ เวลเนส คลินิก นำมาฝากกันนะคะ ชวนรู้จัก เบาหวาน เบาหวาน คือโรคที่ทั่วโลกให้ความสำคัญค่ะ เพราะมีแนวโน้มผู้ป่วยสูงขึ้นเรื่อยๆ ในประเทศไทยเองมีผู้เสียชีวิตทุกๆ 1 ชั่วโมง ถึง 37 รายเลยล่ะค่ะ นั่นก็เพราะโรคเบาหวานเกิดขึ้นจากพฤติกรรมการรับประทานอาหารและด้วยปัจจุบันที่ขนมหวานสามารถหาทานง่ายและหลากหลายขึ้น จึงส่งผลต่อการทำงานของฮอร์โมนอินซูลินในร่างกายนั่นเองค่ะ โรคเบาหวานคืออะไร? โรคเบาหวาน (Diabetes mellitus) คือ โรคไม่ติดต่อเรื้อรังแต่สามารถส่งต่อผ่านทางพันธุกรรมได้ เป็นภาวะที่มีระดับน้ำตาลในกระแสเลือดสูงกว่าปกติ ซ้ำยังตับอ่อนทำงานผิดปกติฮอร์โมนอินซูลินบกพร่อง ทำให้ร่างกายไม่สามารถเปลี่ยนน้ำตาลไปเผาผลาญเป็นพลังงานได้นั่นเอง เพราะหนักหวานมากไป อินซูลินเลยสู้ไม่ไหว ฮอร์โมนอินซูลินมีระดับการทำงานขนาดต่ำๆ อยู่แล้วค่ะ ลองเทียบดูว่าหากใน 1 วัน เราทานน้ำตาลน้ำตาลเกินกว่า 4 ช้อนชาต่อวัน หรือเท่ากับ นมเปรี้ยว 1 ขวดเล็ก (สำหรับช่วงวัย 25-60 ปี) จากที่ควรทำงานได้อย่างสมประสิทธิภาพก็ลดลง จนเกิดการสะสมภาวะระดับน้ำตาลมากยิ่งขึ้นเมื่อเปลี่ยนไปเป็นพลังงานไม่ทันก็ถูกขับออกผ่านปัสสาวะ ซึ่งของเหลวนี้ก็ยังคงมีน้ำตาลคั่งค้างอยู่อย่างที่เราได้รู้จากการมีมดมาตอมนั่นเองค่ะ 7 สัญญาณเตือนเราเสี่ยงเป็นเบาหวาน อ่อนเพลียง่าย ทั้งที่พักผ่อนเพียงพอ ผอมลงแบบไม่มีสาเหตุ ทั้งๆ ที่ หิวบ่อย กินเท่าเดิม สายตาพร่ามัว แผลหายช้า ไม่แห้งสนิท หรือตกสะเก็ดช้า ชาปลายมือ ปลายเท้า มีอาการคันตามตัวหรือที่อวัยวะเพศ มีตกขาวร่วมด้วย หิวน้ำบ่อยและปัสสาวะเยอะผิดปกติ ถึงไม่อ้วน ไม่ทานหวานก็เสี่ยงเป็นได้ เพราะโรคเบาหวานมีหลายชนิด ชนิดที่ 1 พบในช่วงวัยเด็ก - 30 ปี เกิดจากตับอ่อนไม่สามารถสร้างอินซูลินได้ มักมีรูปร่างซูบผอม ชนิดที่ 2 พบมากในผู้ที่มีรูปร่างอ้วน น้ำหนักเกินมาตรฐาน คนไทยป่วยชนิดนี้มากที่สุด เกิดจากร่างกายดื้ออินซูลิน อินซูลินไม่เพียงพอต่อการทำงาน โรคเบาหวานชนิดอื่นๆ เกิดจากการใช้ยาบางชนิด เช่น สเตียรอยด์ การติดต่อทางพันธุกรรม ผู้ที่เป็นโรคตับอ่อนอักเสบ โรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์ ขณะตั้งครรภ์ร่างกายจะผลิตสารต่อต้านอินซูลินเกิดขึ้น เกิดภาวะครรภ์เป็นพิษ คลอดก่อนกำหนด ภาวะน้ำตาลต่ำหลังคลอด มักเกิดในผู้ที่ไม่มีประวัติเกิดโรคเบาหวาน แค่ปรับและเปลี่ยนก็ป้องกันโรคเบาหวานได้ หลีกเลี่ยงอาหารทอด ออกกำลังกายสม่ำเสมอเพื่อให้ฮอร์โมนอินซูลินทำงานเป็นปกติ ทานเนื้อสัตว์ไขมันต่ำ โปรตีนจากพืช เช่น ปลา อกไก่ เต้าหู้ เน้นทานผัก ธัญพืช ผลไม้ นมจืดไขมันต่ำ จำกัดอาหารที่มีน้ำตาลเป็นส่วนประกอบมาก ลดอาหารแปรรูป สำเร็จรูป เช่น ไส้กรอก เบคอน อาหารแช่แข็ง หลีกเลี่ยงน้ำตาลเทียม เพราะทำให้อยากหวานมากขึ้น ความน่ากลัวของโรคเบาหวานคือมักไม่มีอาการเตือนค่ะ เมื่อรู้สึกร่างกายเริ่มผิดปกตินั่นก็เป็นเพราะได้เข้าใกล้โรคเบาหวานไปเสียแล้ว และเมื่อได้เป็นโรคเบาหวาน ปัจจุบันก็ยังไม่มีการรักษาให้หายขาดได้ วิธีการป้องกันที่ดีที่สุดจึงควรตรวจสุขภาพประจำปี ตรวจระดับน้ำตาล เช็กความสมดุลฮอร์โมนตั้งแต่เนิ่นๆ เท่านั้นค่ะ ป้องกันเบาหวาน ด้วยการตรวจหาอินซูลิน อย่าปล่อยให้น้ำตาลในเลือดขึ้นสูง อินซูลินหยุดทำงานแล้วค่อยหาทางแก้ เพราะนั่นอาจจะสายเกินไปค่ะ ไธรฟ์ เวลเนส คลินิก ขอแนะนำ แพ็กเกจการตรวจหาฮอร์โมนอินซูลินในร่างกาย เช็กสมดุลมากน้อยแค่ไหน ร่างกายจะยังเปลี่ยนน้ำตาลไปเป็นพลังงานได้ดีอยู่หรือไม่ ผ่าน Thrive Healthy Balance Thrive Healthy Balance จะทำให้คุณได้ทราบถึง ฮอร์โมนอินซูลิน ตรวจระดับวิตามิน (Vitamin D3) ตรวจระดับฮอร์โมนพื้นฐาน ตรวจเลือด ตรวจวัดระดับการอักเสบภายในร่างกาย การทำงานของเม็ดเลือดแดง การทำงานของปลายประสาท สารต้านอนุมูลอิสระในร่างกาย รวมกว่า 10 ชนิด

ยาสเตียรอยด์ ถึงจะเป็นยาสังเคราะห์เพื่อประโยชน์ทางการรักษาให้คล้ายกับฮอร์โมนสเตียรอยด์ก็ตาม แต่มันก็ยังคงเป็นยาที่อันตรายและอาจไม่ใช่คำตอบของทุกการรักษา... หลังจากที่ไธรฟ์ พาไปทำความรู้จักกับ ฮอร์โมนสเตียรอยด์ กันมาแล้วนะคะ บทความนี้ไธรฟ์ จะพาไปเจาะลึกตัวยาสเตียรอยด์กันบ้าง ว่าในเมื่อมีข้อดีช่วยรักษาโรคให้หายได้ในทันที แต่ทำไมมันถึงน่ากลัวและควรใช้ภายใต้การแนะนำของแพทย์เท่านั้น แบบไหนเรียกยาสเตียรอยด์ ยาสเตียรอยด์ คืออะไร? มาจากไหนกัน? สเตียรอยด์ นำมาใช้รักษาโรคได้อย่างไร อันตรายจากสเตียรอยด์ ที่ไม่ควรหาซื้อมาทานเอง ยาแผนโบราณ โลชั่นผิวขาว ดีอย่างที่เขาว่า เพราะมีสารสเตียรอยด์ ยาสเตียรอยด์ เป็นทางออกของการรักษาโรคจริงหรือ? ปรับสมดุลฮอร์โมน การรักษาที่เซฟร่างกาย ไม่อันตราย ไม่พึ่งยาสเตียรอยด์ แบบไหนเรียกยาสเตียรอยด์ ยาที่รับประทานปุ๊บ ผื่นแดง ผื่นคันเม็ดเล็กๆ ยุบลงทันที อาการปวดเมื่อยหายทันตา ผลที่น่าประทับใจแบบนี้หลังการทานยา หรือฉีด ทา ไม่ต้องใช้เวลานานก็หาย ให้สงสัยไว้เลยว่า นี่คือยาสเตียรอยด์ ยาสเตียรอยด์ คืออะไร? มาจากไหนกัน? ยาสเตียรอยด์ ถูกสร้างขึ้นทางการแพทย์ เพื่อให้มีฤทธิ์การรักษาไม่ให้คนไข้รู้สึกเจ็บปวด ทรมาน ซึ่งการรักษาแบบใช้ยาสเตียรอยด์จะต้องให้คุณหมอวินิจฉัยเท่านั้นค่ะ เพราะด้วยฤทธิ์ที่ส่งผลต่อระบบร่างกายหลายส่วน จึงจำเป็นต้องควบคุมพิเศษไม่ให้เกิดโทษ สเตียรอยด์ เป็นสารสังเคราะห์ที่มีโครงสร้างคล้ายคลึงกับ สารคอร์ติซอล (Cortisol) เพราะช่วยควบคุมและปรับสภาวะทางความเครียด การอักเสบ หลอดเลือด ยาสเตียรอยด์ จึงเป็นยาที่ดึงเอาข้อดีของฮอร์โมนสเตียรอยด์มาใช้เพื่อการรักษา เมื่อทานเข้าไปจะช่วยปรับระบบทางร่างกายทุกส่วนทั้งอวัยวะไปจนถึงเรื่องฮอร์โมน ซึ่งฮอร์โมนที่เรารู้จักกัน ไม่ว่าจะเป็นฮอร์โมนเพศ, ฮอร์โมนต่อมหมวกไต, DHEA, Testosterone, Estrogen, Progesterone เหล่านี้ที่โยงใยกันเรียกว่า ฮอร์โมนสเตียรอยด์ ด้วยเช่นเดียวกันค่ะ สเตียรอยด์ นำมาใช้รักษาโรคได้อย่างไร สเตียรอยด์ใช้ภายนอก ▶ ยาหยอดตา ยาพ่นจมูก ยาพ่นหลอดลม ยาทารักษาผื่นแพ้ ลมพิษ ผิวหนังอักเสบ สะเก็ดเงิน (รูปแบบครีม โลชั่น ขี้ผึ้ง) ซึ่งจะเป็นยาที่ออกฤทธิ์เฉพาะจุด มีคามเสี่ยงจากผลข้างเคียงน้อย แต่ต้องใช้ยาตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัดเท่านั้น สเตียรอยด์ใช้สำหรับรับประทานและยาฉีด ▶ อาการแพ้ โรคหอบหืดชนิดรุนแรง ผู้ป่วยที่ได้รับการปลูกถ่ายอวัยวะ โรคภูมิคุ้มกัน ลดการอักเสบภายใน โรคภูมิแพ้ตนเอง โรคทางเดินหายใจอักเสบเรื้อรัง โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ สเตียรอยด์ที่ใช้เพื่อทดแทนการขาดฮอร์โมน และจากความบกพร่องของสมองส่วนหน้า อันตรายจากสเตียรอยด์ ที่ไม่ควรหาซื้อมาทานเอง จากที่ช่วยส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกัน แต่หากใช้อย่างไม่ถูกต้องส่งผลให้กดภูมิคุ้มกันลงทันทีโดยเฉพาะเมื่อมีการรับเสตียรอยด์อย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน เมื่อภูมิคุ้มกันลดทำให้เกิดการติดเชื้อง่ายขึ้น ทำให้เยื่อบุกระเพาะอาหารบางลง และยังยับยั้งการสร้างเนื้อเยื่อกระเพาะใหม่ ส่งผลให้เลือดออกในกระเพาะอาหารแม้ไม่มีอาการปวดท้องมาก่อน ทำให้กระดูกพรุน ฟันผุ เป็นต้อกระจก อยากอาหารเพิ่มขึ้น อารมณ์แปรปรวน มีปัญหาการนอนหลับ ผู้ป่วยเบาหวานและความดัน จะไม่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลและความดันให้ปกติได้ เมื่อได้รับสเตียรอยด์เป็นเวลานาน จะทำให้เกิดอาการ ‘คุชชิ่ง ซินโดรม’ คือ ใบหน้ากลมคล้ายพระจันทร์ ไขมันพอกที่ต้นคอ ด้านหลังเป็นหนอก ผิวหนังบาง มีรอยแตกสีม่วงแดงตามผิวหนังที่หน้าท้องและต้นขา ภาวะฮอร์โมนสเตียรอยด์หยุดทำงาน เมื่อร่างกายได้รับเป็นเวลานาน หากหยุดใช้กะทันหันจะทำให้ร่างกายขาดสเตียรอยด์แบบฉับพลัน อาจเกิดภาวะช็อก หมดสติและเสียชีวิตได้ ดังนั้นหากสงสัยว่าทานยาสเตียรอยด์ไม่ควรหยุดยาเอง ต้องรีบปรึกษาแพทย์เพื่อหาแผนการรักษาที่ถูกต้อง ยาแผนโบราณ โลชั่นผิวขาว ดีอย่างที่เขาว่า เพราะมีสารสเตียรอยด์ Dexamethasone และ Prednisolone ชื่อหนึ่งของสเตียรอยด์ เมื่อถูกนำมาเป็นยาชุดในยาแผนโบราณ มีหลายลักษณะ ทั้งยาลูกกลอน ยาผง ยาน้ำ ยาเม็ด สังเกตได้จากการอ้างสรรพคุณการรักษาแบบครอบจักรวาล และหายปวดทันทีในไม่กี่ชั่วโมง เช่น แก้ปวดเข่า ปวดข้อ ปวดหัว แก้แพ้ทุกชนิด แก้หอบ หืด แพ้อากาศ อัมพฤกษ์ อัมพาต ช่วยเจริญอาหาร ยาลักษณะนี้เป็นยาที่ไม่มีการควบคุมโดยแพทย์ แม้ยาชุดสมุนไพรเหล่านี้จะให้ความรู้สึกว่าเป็นยาที่สกัดจากสมุนไพร ดูไม่อันตรายและไม่เกิดสารสะสมมากเท่ายาที่แพทย์จ่าย แต่ในความจริงแล้ว มีสารสเตียรอยด์เป็นส่วนผสม เครื่องสำอางในรูปแบบครีมขาวใส ครีมกวน ช่วยรักษาสิวอย่างรวดเร็ว ผิวขาวไวทันตาเห็น ก็เป็นผลจากการใส่สเตียรอยด์เกินขนาดและใช้อย่างไม่พอดีเช่นกันค่ะ เกิดผิวหนังบางซีด อักเสบแตกเป็นลาย สิวสเตียรอยด์ในที่สุด ยาสเตียรอยด์ เป็นทางออกของการรักษาโรคจริงหรือ? จากที่ได้อ่านมา คุณกำลังคิดว่ายาสเตียรอยด์ก็ดูเป็นยาที่น่าใช้กันบ้างหรือเปล่าคะ คิดว่าแค่เราใช้ให้ถูกวิธี จำกัดปริมาณก็คงเพียงพอให้ร่างกายเราไม่เสียหาย แต่เหตุผลของร่างกายก็ตอบคำถามมาแล้วว่าเราไม่ควรพึ่งสเตียรอยด์มากเกินไป เพราะในร่างกายที่แม้แต่สร้างขึ้นได้เองก็ยังมีฤทธิ์ที่อ่อนมากๆ เช่นกัน ดังนั้นถ้าจะหาวิธีการรักษาสุขภาพ การใช้ยาสเตียรอยด์ก็ดูเป็นการรักษาที่แก้จากปลายทางมากกว่า เพราะคุณจะรู้ได้ก็ต่อเมื่อมีอาการ > กินยาสเตียรอยด์ > หาย > กินมาก > ตาย การรักษาตั้งแต่ต้นเหตุ ฮอร์โมนที่ขาดความสมดุล เพราะพฤติกรรมการนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ ทานอาหารรสจัด ของทอด ความเครียดที่ส่งผลให้ฮอร์โมนเราเปลี่ยนแปลง ตัดปัญหาทางสุขภาพตั้งแต่ต้น โดยไม่ต้องพึ่งยาสเตียรอยด์ แต่ก็ทำให้กลุ่มฮอร์โมนสเตียรอยด์ดีขึ้นได้น่าจะเป็นคำตอบของการรักษาโรคได้ปลอดภัยกว่าและไม่เสี่ยง ปรับสมดุลฮอร์โมน การรักษาที่เซฟร่างกาย ไม่อันตราย ไม่พึ่งยาสเตียรอยด์ ภาวะความเครียดแฝง อยากของหวาน ตื่นนอนไม่สดชื่น ตกดึกตาสว่าง อาการที่บ่งบอกฮอร์โมนขาดสมดุล นำไปสู่โรคเบาหวาน โรคความดัน โรคมะเร็ง ต้นตอของปัญหาโรคร้ายมักเกิดจากพฤติกรรมประจำวันที่คุณไม่อาจห้ามใจได้ Thrive Hormone Check up คือ แพ็กเก็จตรวจฮอร์โมนสเตียรอยด์ทุกระบบในร่างกายที่บอกได้อย่างตรงจุดว่า ฮอร์โมนตัวไหนที่คุณควรรีบแก้ไขก่อนสาย Thrive Hormone Check up แพ็กเกจการตรวจฮอร์โมนเพื่อรักษาระดับความสมดุล ตรวจเช็กสมดุลฮอร์โมนคอร์ติซอล และฮอร์โมนที่ส่งผลต่อร่างกายอื่นๆ อีกกว่าเกือบ 20 รายการ Thrive Hormone Check up เหมาะกับใคร? ผู้ที่คุณภาพการนอนผิดปกติ อารมณ์แปรปรวนง่าย ภาวะป่วยซึมเศร้า ความต้องการทางเพศลดลง เสี่ยงต่อภาวะหัวใจขาดเลือด สุขภาพผิวแห้ง ริ้วรอย ไม่มีมวลกล้ามเนื้อ ไขมันสะสมตามร่างกาย กระดูกบาง เปราะ ความจำลดลง ระบบเผาผลาญมีปัญหา วิตกกังวล จัดการความเครียดไม่ได้ ไธรฟ์ เวลเนส คลินิก รับการตรวจโดยไม่ต้องงดน้ำ งดอาหาร ได้รับผลตรวจภายใน 5-7 วันทันที พร้อมเข้ารับเข้ารับคำปรึกษาจากคุณหมอผู้เชี่ยวชาญ เพื่อวางแผนการรักษาและหาสาเหตุจากฮอร์โมน สามารถสร้างผลลัพธ์ที่ดี ปลอดภัย เสริมสร้างวิตามินที่จำเป็น ให้เหมาะสมเฉพาะคุณ เพื่อการใช้ชีวิตที่ไร้ความกังวลใจ