top of page

Thrive Wellness Clinic

  • Facebook
  • YouTube
  • Instagram

ชั้น2 เดอะ คริสตัล เอกมัย-รามอินทรา 
Opening Hours เวลาเปิดทำการ 10:00 -19:30 

thrive-clinic.png

Search Results

พบ 198 รายการสำหรับ ""

  • ความเครียดที่เกิดจากสารสื่อประสาทไม่สมดุล

    สารสื่อประสาท (Neurotransmitter) เป็นสารที่เซลล์ประสาทสร้างขึ้นเพื่อใช้ส่งกระแสประสาทจากเซลล์หนึ่งไปยังอีกเซลล์หนึ่ง ก็เหมือนกับกลไกการทำงานของอวัยวะ แต่ควบคุมทางด้านสภาวะอารมณ์ สุขภาพจิตใจเป็นหลัก เช่น ความวิตกกังวล ภาวะซึมเศร้า ความเครียดสะสม อาการนอนไม่หลับ เป็นต้น 4 สารสื่อประสาทที่สำคัญที่สุด เอนโดฟิน (Endophin) เป็นสารแห่งความสุขที่หลั่งออกมาจากต่อมใต้สมอง ซึ่งเปรียบเสมือนสารระงับความเจ็บปวดตามธรรมชาติ สารเอนโดฟินยังช่วยลดความเครียด และช่วยกระตุ้นความรู้สึกพึงพอใจ มีความสุข ถ้าหากมีความเครียดสะสมฮอร์โมนชนิดนี้จะลดน้อยลง โดปามีน (Dopamine) เป็นสารที่หลั่งออกจากสมองกับเซลล์ในร่ายกายที่เกี่ยวข้องกับการทำงานของระบบประสาท สมอง การเคลื่อนไหว ความจำ และยังเป็นสารสื่อประสาทที่สำคัญกับทางด้านอารมณ์ ความรู้สึก โดยจะถูกสร้างขึ้นจากกรดอะมิโนไทโรซีน (Tyrosine) และสมองส่วนไฮโพทาลามัส (Hypothalamus) หากร่างกายมีระดับโดปามีนต่ำจะส่งผลให้เกิดความหดหู่ ซึมเศร้าได้ ออกซิโทซิน (Oxytocin) เป็นสารสื่อประสาทที่ผลิตจากต่อมใต้สมองไฮโพทาลามัส (Hypothalamus) โดยฮอร์โมนนี้จะผลิตออกมาเมื่อได้สัมผัส กอด หรือการมีเพศสัมพันธ์ ซึ่งจะเกี่ยวข้องกับความรักความผูกพัน หากฮอร์โมนออกซิโทซินต่ำลงจะส่งผลให้เกิดความเครียด วิตกกังวล เหนื่อยล้าอีกด้วย เซโรโทนิน (Serotonin) เป็นสารสื่อประสาทที่มีหน้าที่สำคัญต่อระบบประสาทและสมองที่เกี่ยวกับทางด้านอารมณ์ ความรู้สึก ความสุข จะช่วยต้านความเครียดได้อย่างดี โดยเซโรโทนินจะผลิตขึ้นมาจากสมองและลำไส้ หากระดับเซโรโทนินต่ำจะส่งผลให้เกิดความเครียด กังวลใจ ไมเกรน นอนหลับยาก ก้าวร้าว จนนำไปสู่ภาวะซึมเศร้า และโรควิตกกังวล สารสื่อประสาทที่กล่าวมาข้างต้นเป็นสารสื่อประสาทที่ร่างกายสามารถสร้างขึ้นมาเองได้ สามารถกระตุ้นการสร้างฮอร์โมนและรักษาสมดุลของฮอร์โมนได้ด้วยการปรับพฤติกรรม เช่น การพักผ่อนให้เพียงพอ ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ หากเราสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมได้ระดับของฮอร์โมนและสารสื่อประสาทก็จะสมดุล ทั้งนี้ หากใครสนใจอยากตรวจวัดระดับสารสื่อประสาทเพื่อเช็กความไม่สมดุลหรือขาดหายไปสามารถเข้ามาตรวจ Urine Organic Profile Test ที่นอกจากจะตรวจหาความไม่สมดุลของสารสื่อประสาทแล้วยังสามารถทราบถึง กระบวนการเผาผลาญ การเสียสมดุลของลำไส้ การทำงานของวิตามินบี การขจัดสารพิษในร่างกาย ได้อีกด้วย Urine Organic Profile Test เคล็ดลับเสริมสร้างสารสื่อประสาทให้ทำงานอย่างเหมาะสม ความเครียดสะสม

  • การกอดที่มากกว่าการบอกรัก

    การกอดนอกจากจะเป็นการแสดงถึงความรักความห่วงใยแล้ว ยังสามารถช่วยบำบัดโรคที่เกิดจากความรู้สึก จิตใจ หรือสำหรับผู้ที่ต้องการกำลังใจ หรือตอนนั้นคุณกำลังรู้สึกอ่อนแอ การกอดจะช่วยปลอบประโลมได้อย่างดีอีกด้วย วันนี้เราจะมาบอกถึงประโยชน์ของการกอดที่ไม่ได้มีดีแค่กอด 4 โรคที่บำบัดได้ด้วยการกอด ทางการแพทย์จึงนำการกอดมาใช้เป็นอีกหนึ่งวิธีในการบำบัดโรคต่างๆดังนี้ ลดอาการซึมเศร้า สำหรับคนเป็นโรคซึมเศร้าการกอดจะทำให้ร่างกายหลั่งเซโรโทนิน (Serotonin) เป็นฮอร์โมนที่ช่วยให้รู้สึกดี พอเซโรโทนินไหลเวียนไปทั่วร่างกาย ส่งผลให้รู้สึกผ่อนคลายเกิดความมั่นใจมากขึ้น อีกทั้งเซโรโทนินยังไปช่วยกระตุ้นการเคลื่อนตัวของกระเพาะอาหารและลำไส้การหลั่งน้ำย่อย เพื่อกระตุ้นการย่อยอาหารได้ดียิ่งขึ้น ลดความเครียด เมื่อกล้ามเนื้อเราถูกกอดจะทำให้รู้สึกผ่อนคลาย การไหลเวียนของเลือดดีขึ้น ส่งผลให้ร่างกายผลิตสารเอ็นโดรฟิน (Endorphin) ออกมาเพื่อลดความเครียดและยังช่วยลดอาการปวดเมื่อยได้อีกด้วย ลดความกลัว การกอดจะช่วยให้ความรู้สึกกลัว โกรธ ไม่สบายใจ ลดหายไปจะช่วยเพิ่มความมั่นใจและรู้สึกดีมากขึ้น ดีต่อหัวใจ เมื่อเราได้กอดใครสักคนเป็นเวลา 20 วินาที จะส่งผลให้ความดันโลหิตและอัตราการเต้นของหัวใจลดต่ำลง ช่วยให้หัวใจไม่ต้องทำงานหนักและลดความเสี่ยงการเกิดโรคหัวใจได้ การกอดจึงเป็นมากกว่าการบอกรัก แต่ยังเป็นพลังและยาวิเศษที่ช่วยบำบัดความเจ็บปวดในรู้แบบต่างๆได้อย่างดี การกอดยังช่วยบอกความรู้สึกแทนคำพูดได้อีกด้วย ดังนั้นทุกคนควรให้ความใส่ใจกับการกอดให้มากขึ้นเพื่อช่วยบำบัดจิตใจ เราไม่จำเป็นต้องกอดกับคนรักเท่านั้นเราสามารถกอดได้ทั้ง พ่อ แม่ พี่ น้อง เพื่อน หรือแม้แต่ตุ๊กตาได้เช่นกัน ขอบคุณข้อมูลจาก : https://medium.com/@Bewith/why-we-need-8-hugs-a-day-548863867123

  • วิตามินที่ช่วยบรรเทาภาวะซึมเศร้า

    สำหรับคนเป็นภาวะซึมเศร้านอกจากจะบำบัดผู้ป่วยทางด้านจิตใจและปัญหาทางอารมณ์แล้ว การเสริมวิตามินก็สำคัญเพราะคนที่เป็นโรคซึมเศร้าส่วนใหญ่มักพบว่าร่างกายขาดวิตามินที่ทำให้อาการของผู้ป่วยแย่ลง วันนี้เราจะมาแนะนำวิตามินอะไรบ้างที่มีส่วนช่วยสำหรับคนเป็นโรคซึมเศร้า 8 วิตามินช่วยลดภาวะซึมเศร้า วิตามินบี 1 (Vitamin B1) หรือ ไทอามีน (Thiamin) มีส่วนช่วยสำคัญในการกระตุ้นการทำงานของเซลล์ประสาท ช่วยลดอาการกำเริบของความวิตกกังวลจากโรคซึมเศร้าได้ วิตามินบี 6 (Vitamin B6) หรือ ไพริดอกซีน (Pyridoxine) ในวิตามินบี 6 มีสารโดปามีน (dopamine) และ นอร์เอพิเนฟริน (norepinephrine) ซึ่งเป็นสารเคมีในร่างกายทำหน้าที่เป็นฮอร์โมนที่ตอบสนองต่อความเครียด สามารถช่วยลดภาวะซึมเศร้าและโรคสมาธิสั้นได้ วิตามินบี 12 (Vitamin B12) หรือ โคบาลามิน (Cobalamin) ช่วยบำรุงระบบประสาททำให้ระบบประสาทแข็งแรงขึ้น ช่วยเพิ่มสมาธิ ความจำ และบรรเทาอาการหงุดหงิด ที่สำคัญช่วยลดความเครียดที่เป็นจุดเริ่มต้นของโรคซึมเศร้าได้ วิตามินซี (Vitamin C) คือวิตามินที่ช่วยจัดการกับความเครียดได้ดีที่สุด ยิ่งเราเกิดความเครียดต่อมหมวกไตยิ่งต้องการวิตามินซีมาช่วยรับมือและต่อสู้กับกลุ่มฮอร์โมนความเครียดมากขึ้น แมกนีเซียม (Magesium) เป็นแร่ธาตุที่ช่วยผ่อนคลายความเครียด มีหน้าที่สำคัญในการทำงานของสมองและภาวะทางอารมณ์ เมื่อระดับแมกนีเซียมต่ำจะมีความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของภาวะซึมเศร้า ทองแดง (Copper) แร่ธาตุทองแดงมีหน้าที่สำคัญต่อการทำงานของระบบประสาทและมีผลต่อภาวะทางด้านอารมณ์โดยตรง หากระดับทองแดงต่ำจะทำให้มีปัญหาทางด้านอารมณ์ ความรู้สึก ไปจนถึงภาวะซึมเศร้า สังกะสี (Zinc) หากร่างกายขาดสังกะสีจะเกิดการเปลี่ยนแปลงต่อสารเคมีในสมอง ส่งผลไปถึงภาวะซึมเศร้าและการทำงานของจิตบกพร่องในมนุษย์ ธาตุเหล็ก (Iron) เป็นอีกหนึ่งแร่ธาตุที่มีความสำคัญต่อการทำงานของสารเคมีในสมอง หากร่างกายขาดหรือมีระดับธาตุเหล็กต่ำ จะส่งผลให้เกิดภาวะซึมเศร้า จิตใจหม่นหมอง งานพลังงาน ภาวะซึมเศร้า คือ โรคที่เกิดจากความผิดปกติของสารเคมีในสมอง ไม่ใช่ความอ่อนแอทางด้านจิตใจของผู้ที่กำลังเผชิญกับโรคนี้อยู่ และสามารถรักษาให้หายได้ ดังนั้นผู้ป่วยควรได้รับการรักษาอย่างถูกต้องและเหมาะสม นอกจากนี้ผู้ป่วยยังสามารถตรวจเช็กระดับวิตามินแร่ธาตุในร่างกายได้อีกด้วย กับ Oligoscan เพราะตรวจครั้งเดียวใช้เวลาไม่ถึง 3 นาที ไม่เจ็บตัว รู้ผลเร็ว มีค่าใช้จ่ายน้อยกว่า พร้อมตรวจหาโลหะหนัก 15 รายการ และแร่ธาตุ 21 รายการ ได้พร้อมกันทันที อีกหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้ป่วยโรคซึมเศร้า หรือมีภาวะเครียดสะสม หรือ Mood Swing จากภาวะวัยทอง 💐Bach Flower ศาสตร์แห่งการปรับสมดุลทางจิต ช่วยเสริมสร้าง Mental Health ให้คืนความสมดุล เหมาะสําหรับผู้ที่มีภาวะความเครียดสะสม โรคซึมเศร้า โรควิตกกังวล โรคแพนิค ผู้ที่เผชิญกับเหตุการณ์ที่รุนแรงในอดีตจนเป็นแผลฝังใจ ทั้งยังช่วยลดอาการฉุนเฉียวโมโห อารมณ์ไม่นิ่งได้อีกด้วย Bach Flower Therapy ตรวจสารพิษโลหะหนักด้วย Oligoscan

  • คุณกําลังเป็นโรคซึมเศร้าอยู่หรือเปล่า

    โรคซึมเศร้า (Depression) คือโรคที่เกิดจากความไม่สมดุลของสารสื่อประสาททั้งหมด 3 ชนิด ได้แก่ ซีโรโตนิน(Serotonin), นอร์เอพิเนฟริน (norepinephrine) และ โดปามีน (dopamine) ซึ่งส่งผลต่ออาการผิดปกติทางด้านอารมณ์ และกระทบต่อความคิด ความรู้สึก พฤติกรรม โรคซึมเศร้าถือเป็นภาวะอารมณ์เศร้าหมองที่จะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงจำเป็นที่ต้องได้รับการรักษาจากจิตแพทย์เพื่อบำบัดอย่างถูกวิธี สาเหตุที่ทำให้เกิดโรคซึมเศร้า อาการที่เข้าข่ายเป็นโรคซึมเศร้า ทางเลือกสำหรับผู้ป่วยโรคซึมเศร้า สาเหตุที่ทำให้เกิดโรคซึมเศร้า ความผิดปกติของเคมีในสมอง เนื่องจากเคมีหรือสารสื่อประสาทในสมองมีมากหรือน้อยจนเกินไปทำให้เกิดความไม่สมดุล โดยที่คุณไม่อาจควบคุมได้ ทางพันธุกรรม หากคนในครอบครัวเคยมีประวัติการเป็นโรคซึมเศร้าจะทำให้เรามีโอกาสในการเป็นมากกว่าคนทั่วไปถึง 20% ความเครียดสะสม นับเป็นอีกหนึ่งสาเหตุสำคัญที่เข้าไปกระตุ้นให้กลายเป็นโรคซึมเศร้าได้ โดยเฉพาะเหตุการณ์ในเชิงลบที่กระทบถึงจิตใจ เช่น การสูญเสียคนในครอบครัวหรือคนที่รัก การหย่าร้าง การตกงาน ความเครียดทางด้านการเงิน เป็นต้น ฮอร์โมนเพศหญิงสวิง เมื่อฮอร์โมนเพศหญิงมีความผิดปกติก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางด้านอารมณ์อย่างรวดเร็ว ซึ่งนำไปสู่การกระตุ้นให้เกิดภาวะซึมเศร้า ได้ง่ายขึ้น เช่น ช่วงตั้งครรภ์ หลังคลอดบุตร วัยหมดประจำเดือน เป็นต้น การใช้ยาบางชนิด อย่างต่อเนื่อง เช่น ยานอนหลับ ยารักษาสิว ยาแก้อักเสบ ยาแก้ปวด รวมถึงผู้ที่ชอบดื่มแอลกอฮอล์ อาการที่เป็นสัญญาณเตือนว่าคุณกำลังเข้าข่ายเป็นโรคซึมเศร้า ด้านอารมณ์ เช่น เศร้าหมอง ท้อแท้ ไม่มีความสุข ไม่รู้สึกสนุกกับสิ่งที่ทำประจำ เบื่อทุกสิ่งรอบข้าง อารมณ์หงุดหงิดง่ายขึ้น ด้านความจำ เช่น ไม่สามารถจดจ่อกับสิ่งที่ทำอยู่ได้ หลงลืมบ่อย ทำงานผิดๆถูก ด้านร่างกาย เช่น อ่อนเพลีย เบื่ออาหารกินได้น้อยลงหรือกินอาหารมากขึ้น นอนไม่หลับหรือนอนมากกว่าปกติ ไม่มีเรี่ยวแรง เหนื่อยง่าย ด้านสังคม เช่น ไม่อยากยุ่งกับใคร เริ่มเก็บตัวอยากอยู่คนเดียว ด้านความคิด เช่น เริ่มมองสิ่งต่างๆในแง่ลบมากกว่าความเป็นจริง รู้สึกไม่อยากมีชีวิต อยากฆ่าตัวตาย (ซึ่งมักจะเป็นกับผู้ป่วยโรคซึมเศร้าขั้นรุงแรง) หากเช็กอาการข้างต้นแล้วมีอาการตามที่กล่าวมา 2-3 ข้อควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพทางจิตใจ แพทย์จะแนะนำวิธีป้องกันและปรับสภาพจิตใจให้ดีขึ้น อีกหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้ป่วยโรคซึมเศร้า หรือมีภาวะเครียดสะสม หรือ Mood Swing จากภาวะวัยทอง 💐Bach Flower ศาสตร์แห่งการปรับสมดุลทางจิต ช่วยเสริมสร้าง Mental Health ให้คืนความสมดุล เหมาะสําหรับผู้ที่มีภาวะความเครียดสะสม โรคซึมเศร้า โรควิตกกังวล โรคแพนิค ผู้ที่เผชิญกับเหตุการณ์ที่รุนแรงในอดีตจนเป็นแผลฝังใจ ทั้งยังช่วยลดอาการฉุนเฉียวโมโห อารมณ์ไม่นิ่งได้อีกด้วย Bach Flower Therapy

  • PCOS ภาวะถุงน้ำในรังไข่หลายใบ

    สาวๆหลายคนอาจจะมีปัญหาเกี่ยวกับประเดือนขาดหรือมาไม่ปกติ คุณอาจจะไม่รู้เลยว่านี่เป็นสัญญาณเตือนบ่งบอกว่าคุณกำลังเป็น PCOS หรือภาวะถุงน้ำในรังไข่หลายใบ ซึ่งเป็นสาเหตุหลักๆของประจำเดือนมาไม่ปกติและมีบุตรยาก PCOS หรือ ถุงน้ำในรังไข่หลายใบ คืออะไร เช็กด่วน!! อาการของ PCOS PCOS หรือ ถุงน้ำในรังไข่หลายใบ คืออะไร PCOS ย่อมาจาก Polycystic Ovary Syndrome หรือที่เรียกกันว่า “ภาวะถุงน้ำในรังไข่หลายใบ” เกิดจากความผิดปกติของต่อมไร้ท่อในร่างกาย มีระดับฮอร์โมนเอสโตรเจน(Estrogen), โปรเจสเตอโรน(Progesterone), แอนโดรเจน(Androgen), อินซูลิน(Insulin) ไม่สมดุล มักพบบ่อยที่สุดอายุประมาณ 25-35 ปี โดยในรังไข่จะมีซีสต์หรือถุงน้ำหลายๆใบ เมื่อมีจำนวนมากและเข้าไปเบียดรังไข่ ส่งผลให้การทำงานของรังไขผิดปกติ ทำให้ประจำเดือนมาไม่ปกติ รังไข่โตขึ้น ขนดก และสิวขึ้นมากกว่าปกติ เช็กด่วน!! อาการของ PCOS ประจำเดือนมาไม่ปกติ หากประจำเดือนไม่สม่ำเสมอจนคาดเดาไม่ได้ เช่น ประจำเดือนมาน้อยเกินไป ประจำเดือนมามากเกินไป หรือ ประจำเดือนมาน้องกว่า 8 ครั้งต่อปี เป็นต้น ปวดท้องประจำเดือน อาจเกิดจากขั้วถุงน้ำในรังไข่เกิดบิดหรือแตกในช่วงที่มีการตกไข่ ลักษณะร่างกายเปลี่ยนไป เช่น ขนขึ้นตามขา แขน มีหนวดเครา เสียงเปลี่ยนไปจากเดิม ผมร่วง ผมบาง สิวขึ้นเยอะ หน้ามัน น้ำหนักตัวเพิ่มมากขึ้นผิดปกติ เพราะการผลิตฮอร์โมนเอสโตรเจนผิดปกติ ทำให้ผลิตไขมันออกมามากจนเกินไปส่งผลให้มีภาวะอ้วน ภาวะมีบุตรยาก เกิดจากความผิดปกติของฮอร์โมนในร่างกาย ส่งผลให้เกิดภาวะไข่ไม่ตกในบางเดือนหรือการตกไข่ผิดปกติ ซึ่งเป็นสาเหตุของภาวะมีบุตรยาก การตรวจฮอร์โมนไม่ควรรอให้อายุเพิ่มมากขึ้นถึงตรวจแต่ควรเริ่มตรวจตั้งแต่อายุ 25 ปี และหากใครที่มีอาการตามที่กล่าวมาข้างต้น แนะนำให้พบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุ ท่านสามารถตรวจเช็กได้จากระดับฮอร์โมน กับแพคเกจ Total Hormone ตรวจครอบคลุมถึง 17 รายการ เพราะเราอยากให้คุณหันมาใส่ใจตัวเองมากยิ่งขึ้น Total Hormone

  • ทวงคืนผิวใสได้ด้วย Luminous Skin

    IV Drip สูตรเข้มข้นเน้นเพื่อการดูแลสุขภาพโดยเฉพาะด้วย Vitamin, Minerals, Amino acid ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระระดับสูง ช่วย Boost ระดับวิตามินและ Restore Vitamin Level ในร่างกายของคุณ ที่สำคัญ IV Drip ยังสามารถฟื้นฟูร่างกายได้อย่างรวดเร็ว มีประสิทธิภาพดี และยังปลอดภัยอีกด้วย ทำไมต้อง Luminous Skin Package IV Drip Luminous Skin สำหรับ IV Drip สูตร Luminous Skin เป็นวิตามินดริปสูตรผิวที่ "𝘈𝘭𝘭 𝘵𝘩𝘦 𝘵𝘪𝘮𝘦 𝘉𝘦𝘴𝘵 𝘚𝘦𝘭𝘭𝘦𝘳" มีวิตามินที่ช่วยบำรุง ดูแลผิว ให้ผิวแข็งแรง สว่างกระจ่างใส เปล่งปลั่งมีออร่า เพิ่มสารต้านอนุมูลอิสระทำให้ร่างกายสดชื่น ทำไมต้อง Luminous Skin ช่วยปรับเม็ดสีผิวให้จากขาวอมเหลืองเป็นขาวอมชมพู สีผิวเรียบเนียนสม่ำเสมอ ให้ความชุ่มชื้น ผิวนุ่มลื่น ช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ผิว และริ้วรอย ช่วยขจัดสารพิษ เพิ่มการดูดซึมวิตามิน เหมาะกับผู้ที่เน้นการดูแลผิวเป็นพิเศษ ผู้ชอบออกกลางแจ้ง เตรียมสำหรับงานสำคัญหรืองานที่โชว์ผิว เช่น งานแต่ง เพื่อนเจ้าสาว หรือผู้ที่หายป่วยผิวโทรม ไม่สดใส Package IV Drip Luminous Skin 10 Times ราคา 38,000 บาท แถมฟรี 3 ครั้ง มูลค่า 11,400 บาท 5 Times ราคา 19,000 บาท แถมฟรี 1 ครั้ง มูลค่า 3,800 บาท Vitamin IV Drip

  • อวดผิวสวยอย่างมั่นใจ รวมเทคนิกดูแลผิวห้ามพลาด

    สาวๆทุกคนล้วนแล้วแต่ใฝ่ฝันอยากมีผิวที่ขาวใส เรียบเนียน สุขภาพดี ซึ่งการดูแลผิวสามารถดูแลได้ตั้งแต่ภายในสู่ภายนอก เช่น ทานวิตามินบำรุงผิว การทาครีมบำรุง ทาครีมกันแดด วันนี้เราจะมาบอกเคล็ดลับวิธีการบำรุงดูแลผิวแบบง่ายๆที่คุณสามารถทำเองได้ วิธีบำรุงดูแลผิวให้สวยใสดูเป็นธรรมชาติ 5 วิตามินที่คัดมาแล้วว่าช่วยให้ผิวขาวใส เคล็ดลับการกู้ผิวสวยแบบรวดเร็ว วิธีบำรุงดูแลผิวให้สวยใสดูเป็นธรรมชาติ บำรุงผิวด้วยโลชั่น เพื่อช่วยเติมความชุ่มชื้น ป้องกันผิวแห้ง การทาครีมบำรุงยังช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วและกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ ช่วยให้ผิวของเราแข็งแรงมากยิ่งขึ้น และยังทำให้ผิวขาวกระจ่างใสแบบเป็นธรรมชาติอีกด้วย ทาครีมกันแดดเมื่อต้องออกแดดจัด หรือออกแดดเป็นเวลานาน การทาครีมกันแดดทุกครั้งก่อนออกจากบ้านถือเป็นขั้นตอนที่สำคัญมาก เพื่อป้องกันไม่ให้แสงแดดมาทำร้ายผิว แสงแดดยังเป็นสาเหตุที่ทำให้ผิวหมองคล้ำ สีผิวไม่สม่ำเสมอ ผิวไม่เรียบเนียนอีกด้วย ออกกำลังกาย หากออกกำลังกายเป็นประจำทุกวันจะทำให้ร่างกายสูบฉีดเลือดได้ดี เลือดจะลำเอลียงออกซิเจนไปเลี้ยงผิวหนักได้มากขึ้น ทำให้ผิวมีความกระจ่างใส การออกกำลังกายยังช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนที่ทำให้ผิวกระชับ ยืดหยุ่น ไร้ริ้วรอย พักผ่อนให้เพียงพอ ควรนอนให้ครบ 7-8 ชั่วโมงต่อวัน เพราะการพักผ่อนเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยฟื้นฟูและซ่อมแซมเซลล์ผิวใหม่ช่วยให้ผิวสุขภาพดีเรียบเนียนและกระจ่างใสขึ้น หากเรานอนน้อยหรือนอนไม่พอจะทำให้ผิวหมองคล้ำ มีถุงใต้ตา เป็นสิว หรืออาจะส่งผลต่อระบบภูมิคุ้มกันได้อีกด้วย ดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอ ควรดื่มน้ำวันละ 8-10 แก้ว เพราะการดื่มน้ำจะเข้าไปบำรุงเซลล์ผิวให้เกิดการฟื้นฟู ผิวกระจ่างใส และยังช่วยในเรื่องของการขับถ่ายทำให้สารพิษที่ค้างอยู่ในร่างกายถูกขับออก ผิวหน้าและผิวกายจะยิ่งเรียบเนียน สวยใสไร้สิวอีกด้วย งดดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ เพราะแอลกอฮอล์และนิโคตินเป็นสารที่เผาผลาญชั้นผิวหนังในร่างกาย ส่งผลให้ผิวหยาบกร้าน ขาดความชุ่มชื้น หากอยากมีผิวที่สวยกระจ่างใสดูเป็นธรรมชาติควรงดการดื่มแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่โดยเด็ดขาด 5 วิตามินที่คัดมาแล้วว่าช่วยให้ผิวขาวใส วิตามินซี (Vitamin C) เหมาะสำหรับคนมีปัญหาสีผิวไม่สม่ำเสมอกัน มีรอยหรือจุดด่างดำ เพราะวิตามินซีมีหน้าที่สำคัญช่วยเป็นเกราะป้องกันผิวคล้ำเสีย ช่วยสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิของทุนสาวๆดูอ่อนวัย เต่งตึงมากขึ้น โคเอนไซม์คิว 10 (Coenzyme Q10) นอกจากอยู่ในอาหารเสริมแล้ว มักถูกนำเป็นส่วนผสมของครีมบำรุงอีกด้วย เพราะโคเอนไซม์คิว 10 สามารถป้องกันสารอนุมูลอิสระที่จะมาทำลายเซลล์ผิวของเราได้ และยังช่วยให้ผิวมีความชุ่มชื้น ชะลอความเสื่อมดูอ่อนกว่าวัย วิตามินอี (Vitamin E) วิตามินอีมีหน้าที่ช่วยทำลายอนุมูลอิสระ เป็นมอยเจอไรเซอร์ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น หากใช้เป็นประจำยังป้องกันการเกิดริ้วรอยก่อนวัยอันควร และยังช่วยลดความเสี่ยงต่อมะเร็งผิวหนังอีกด้วย วิตามินดี (Vitamin D) เป็นตัวช่วยที่สำคัญอีกหนึ่งตัวเพราะนอกจากจะช่วยให้ผิวกระจ่างใสแล้ว ยังช่วยป้องกันการเกิดสิว และการติดเชื้อต่างๆ แหล่งรวมวิตามินดี คือ น้ำมันปลา ปลาซาดีน ปลาแซลม่อน และการรับแสงแดดเป็นประจำ วิตามินบี 3 (Vitamin B3) ช่วยเร่งการผลัดเซลล์ผิว เพิ่มการสังเคราะห์คอลลาเจน ลดการสร้างเมลานิน ส่งผลให้ฝ้ากระดูจางลง ผิวมีความชุ่มชื้น ป้องกันผิวสูญเสียน้ำ และช่วยลดการระคายเคืองจากรอยแดงต่างให้ดูจางลงอีกด้วย เคล็ดลับการกู้ผิวสวยแบบรวดเร็ว 𝗜𝗩 𝗗𝗿𝗶𝗽 𝗟𝘂𝗺𝗶𝗻𝗼𝘂𝘀 𝗦𝗸𝗶𝗻 คือ วิตามินดริปสูตรผิวที่ "𝘈𝘭𝘭 𝘵𝘩𝘦 𝘵𝘪𝘮𝘦 𝘉𝘦𝘴𝘵 𝘚𝘦𝘭𝘭𝘦𝘳" มีวิตามินรวมอยู่ใน Bag มากถึง 9 รายการ ช่วยบำรุง ดูแลผิว ให้ผิวแข็งแรง สว่างกระจ่างใส เปล่งปลั่งมีออร่า เพิ่มสารต้านอนุมูลอิสระทำให้ร่างกายสดชื่น Package IV Drip Luminous Skin 10 Times ราคา 38,000 บาท แถมฟรี 3 ครั้ง มูลค่า 11,400 บาท 5 Times ราคา 19,000 บาท แถมฟรี 1 ครั้ง มูลค่า 3,800 บาท Vitamin IV Drip

  • L-carnitine คืออะไร มีประโยชน์แค่ไหนสาย healthy ห้ามพลาด

    แอลคาร์นิทีน (L-carnitine) คือ กรดอะมิโน 2 ชนิด ไลซีน (Lysine), เมไทโอนีน (Methionine) ที่ร่างกายสามารถสร้างขึ้นมาเองได้จากตับและไต โดยร่างกายจะดึงเอาไขมันเข้าไปสร้างเป็นพลังงาน แอลคาร์นิทีนเปรียบเสมือนเชื้อเพลิงที่จะช่วยเร่งเผาไขมันในร่างกายให้สลายไป ประโยชน์ของแอลคาร์นิทีน อาหารที่มีแอลคาร์นิทีน ต้องการเสริมแอลคาร์นิทีน ประโยชน์ของแอลคาร์นิทีน (L-carnitine) ช่วยลดน้ำหนัก เพราะแอลคาร์นิทีน (L-carnitine) ถือเป็นอาหารเสริมสำคัญตัวแรกๆสำหรับการลดน้ำหนัก เนื่องจากมีคุณสมบัติในการลำเลียงกรดไขมันเข้าสู่เซลล์ในร่างกายเพื่อทำการเผาผลาญไขมัน หากเสริมแอลคาร์นิทีนจะยิ่งทำให้เพิ่มการเผาผลาญไขมัน ลดการสะสมของไขมัน และส่งผลถึงการลดน้ำหนักได้ดีมากขึ้น เสริมประสิทธิภาพในการออกกำลังกาย เพราะแอลคาร์นิทีน (L-carnitine) จะเข้าไปช่วยให้ร่างกายลำเลียงออกซิเจนไปยังกล้ามเนื้อ ทำให้เลือดมีการไหลเวียนดีขึ้น ช่วยลดอาการปวดเมื่อย ลดการอักเสบของกล้ามเนื้อหลังออกกำลังกาย และช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวจากการออกกำลังกายได้อย่างดี บำรุงหัวใจ แอลคาร์นิทิน (L-carnitine) มีคุณสมบัติช่วยลดความดันโลหิตและการอักเสบที่เกิดจากโรคหัวใจอีกด้วย ดังนั้นการมีแอลคาร์นิทินและออกกำลังกายอย่างต่อเนื่อง จึงช่วยลดความเสี่ยงโรคหลอดเลือดหัวใจได้ อาหารที่มีแอลคาร์นิทีน (L-carnitine) สัตว์เนื้อแดง เช่น เนื้อหมู เนื้อวัว เนื้อแกะ เนื้อปลาค็อด ธัญพืช เช่น ข้าวโพด ลูกเดือย ข้าวโอ๊ต ข้าวสาลี ในผัก เช่น อาร์ติโชค หน่อไม่ฝรั่ง บร็อคโคลี่ คะน้า ผักกาดเขียว กะหล่ำดาว ในผลไม้ เช่น กล้วย แอปปริคอท อะโวคาโด ถั่วและเมล็ดพืช เช่น ฟักทอง ทานตะวัน งา ถั่วเหลือง ถั่วเขียว หากต้องการเสริมแอลคาร์นิทีน (L-carnitine) ในปริมาณที่เหมาะ เลือกจากการรับประทานอาหารดังกล่าว หรือเลือกเสริม Supplement หรือ IV DRIP สูตร Weightloss ที่มีส่วนประกอบของ L-Carnitine หากต้องการลดน้ำหนักอย่างสมดุลปรึกษาแพทย์เพื่อออกแบบการตรวจที่เกี่ยวข้องกับระบบการเผาผลาญ และแนะนำการเสริมวิตามินที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพมากที่สุดค่ะ Urine Organic Profile Test Vitamin IV Drip

  • สาวๆที่อยากมีกล้ามสวยๆ ต้องมีฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนอย่างเหมาะสม

    ฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน (Testosterone) แม้เป็นฮอร์โมนเพศชาย แต่ก็มีความจำเป็นในผู้หญิง เพราะจะช่วยสร้างกล้ามเนื้อ รักษามวลกล้ามเนื้อ รักษาสมดุลของระบบเผาผลาญ ส่งผลต่อความแข็งแรงของกระดูก ลดไขมันสะสมในร่างกาย รวมไปถึงอารมณ์ทางเพศของเพศหญิง และยังช่วยเสริมระบบการทำงานของหัวใจ หลอดเลือด ระบบประสาท สมองและความจำ ลดความเสี่ยงโรคหัวใจ โรคเบาหวาน มะเร็งเต้านม และช่วยเรื่องการนอนหลับได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนในผู้หญิงจะถูกผลิตจากรังไข่ ต่อมหมวกไต เซลล์ไขมัน และเซลล์ผิวหนัง ฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนสูงเกินไป ฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนน้อยเกินไป Package ตรวจระดับสมดุลฮอร์โมน หากมีฮอร์โทสเตอโรนสูงเกินไป อาจมีลักษณค่อนไปทางผู้ชาย สังเกตุได้ดังนี้ ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ เสี่ยงเกิดภาวะถุงน้ำในรังไข่หลายใบ (PCOS) และภาวะมีบุตรยาก น้ำหนักขึ้น ลงพุง สิวขึ้น มีขนขึ้นตามตัว มีหนวดเครา หากมีฮอร์โทสเตอโรนน้อยเกินไป มักพบในผู้หญิงที่เข้าสู่ช่วงวัยใกล้หมดประจำเดือน สังเกตุได้ดังนี้ ประจำเดือนขาดหรือมาไม่ปกติ อารมณ์ทางเพศลดลง เสี่ยงโรคกระดูกพรุน มีความผิดปกติบริเวณเต้านม อารมณ์แปรปรวน ดังนั้นฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนจึงมีความสำคัญต่อเพศหญิงไม่น้อย ไม่ได้ทำให้คุณดูแมน แต่ช่วยให้ร่างกายเกิดความสมดุล หากใครมีข้อสงสัยหรือต้องการทราบถึงระดับบฮอร์โมนแต่ละชนิดในร่างกายสามารถเข้ามาปรึกษาแพทย์เพื่อช่วยตรวจ วิเคราะห์ และวางแผนการดูแลระดับฮอร์โมนให้เกิดความสมดุลได้อย่างเหมาะสม Package ตรวจระดับสมดุลฮอร์โมน ♀♂ 𝐓𝐨𝐭𝐚𝐥 𝐇𝐨𝐫𝐦𝐨𝐧𝐞 ตรวจ 17 รายการ ราคา 17,190 บาท รวมวิตามินตามผลตรวจ 2,000 บาท เหมาะกับผู้ทีอายุ 40+ ปี 𝐄𝐬𝐬𝐞𝐧𝐭𝐢𝐚𝐥 𝐇𝐨𝐫𝐦𝐨𝐧𝐞 ตรวจ 9 รายการ ราคา 6,490 บาท เหมาะกับผู้ทีอายุ 25-39 ปี

  • 3 แร่ธาตุสำหรับคนอยากลดน้ำหนักที่คุณไม่เคยรู้

    คนที่ลดน้ำหนักต้องทำทุกวิถีทาง ทั้งควบคุมอาหารและโฟกัสการออกกำลัง รู้หรือไม่ แร่ธาตุรองก็มีส่วนช่วยให้ระบบเผาผลาญของคุณทำงานดีขึ้น ทั้งยังส่งเสริมสุขภาพองค์รวมอีกด้วย มารู้จัก 3 แร่ธาตุที่ซ่อนคุณประโยชน์ในการลดน้ำหนักไว้กันค่ะ Selenium (ซีลีเนียม) Copper (แร่ธาตุทองแดง) Zinc (ซิงค์) Selenium (ซีลีเนียม) โดยปกติเราได้รับซีลีเนียมจากอาหารเพียงพออยู่แล้ว ซีลีเนียมมีหน้าที่สำคัญในการสังเคราะห์ฮอร์โมนไทรอยด์ และระดับซีลีเนียมในเลือดที่ต่ำสัมพันธ์กับภาวะต่อมไทรอยด์โตและไทรอยด์อักเสบเรื้อรัง ซึ่งเกี่ยวข้องกับระบบเผาผลาญ ช่วยขจัดอนุมูลอิสระที่เกิดจากกระบวนการเผาผลาญความเครียดการออกกำลังอย่างหนัก หรือใช้ร่างกายหนัก ในผู้ที่ขาดซีเลเนียม เป็นเวลานานสังเกตได้จากอาการปวดกล้ามเนื้อและกล้ามเนื้ออ่อนแรง และมักส่งผลระยะยาวต่อการทำงานของหัวใจและหลอดเลือด มักพบใน : ถั่ว เนื้อสัตว์ กระเทียม ธัญพืช อาหารทะเล และผลิตภัณฑ์จากนม Copper คอปเปอร์ หรือแร่ธาตุทองแดงช่วยส่งเสริมการเผาผลาญพลังงาน และช่วยในการผลิตเซลล์เม็ดเลือดแดง ร่างกายต้องการน้อย แต่ขาดไม่ได้ เพราะร่างกายผลิตเองไม่ได้ เมื่ออายุเพิ่มขึ้น ร่างกายต้องการแร่ธาตุทองแดงมากขึ้นเพื่อให้เพียงพอสำหรับใช้ในระบบเผาผลาญ ผู้ที่ขาดแร่ธาตุชนิดนี้มักมีความผิดปกติของระดับความดันโลหิต (ความดันโลหิตสูง) และการเผาผลาญไขมัน และเกิดการอักเสบในร่างกายได้ง่าย ที่สำคัญ แร่ธาตุทองแดงยังช่วยในการสลายเซลล์ไขมัน และเผาผลาญพงังงานส่วนเกินอีกด้วย มักพบใน : ตับ หอยนางรม เห็ดหอม ถั่ว เมล็ดพืช ผักใบเขียว ดาร์กช็อกโกแลต Zinc ซิงค์ หรือแร่ธาตุสังกะสี เป็นแร่ธาตุตัวต้นๆที่ขาดไม่ได้ เพราะช่วยทำให้ระบบร่างกายทำงานได้สมบูรณ์ นอกจากเรื่องภูมิต้านทานแล้ว แร่ธาตุสังกะสีนี้ยังช่วยเสริมสร้างการผลิตโปรตีนภายในร่างกาย โดยกว่า 90% ของแร่ธาตุสังกะสีจะอยู่ที่กระดูกและกล้ามเนื้อ โดยผู้ที่ควบคุมอาหารเพื่อการลดน้ำหนัก หรือทานมังสวิรัตเป็นเวลานาน หรือมีความผิดปกติของระบบย่อยอาหาร มักจะขาดแร่ธาตุสังกะสี เพราะร่างกายดึงสังกะสีจากกล้ามเนื้อมาสร้างเป็นพลังงานให้ร่างกาย หากขาดจะส่งผลทางอ้อมต่อการลดน้ำหนัก และทำให้คุณป่วยง่าย มักพบใน : หอยนางรม เนื้อไก่ กุ้ง ปู ผักโขม มันฝรั่ง มะเขือเทศ ข้าวกล้อง ข้าวสาลี เมล็ดฟัหทอง ถั่วลิสง งา ลองสังเกตตัวคุณดู หากควบคุมทั้งอาหารและน้ำหนักมากเกินไป อาจทำให้ขาดๆเกินๆ แร่ธาตุทั้ง 3 ตัวนี้ ส่งผลมวลรวมต่อการลดน้ำหนักของคุณ อย่าให้เสียพลังงานไปเปล่าๆ แต่น้ำหนักไม่ได้ลดลงเลยเพราะขาดแร่ธาตุ หากต้องการเสริมวิตามินแร่ธาตุแต่ไม่แน่ใจว่าควรเสริมยังไงให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด ควรปรึกษาแพทย์ เพราะแพทย์จะแนะนำวิธีการเสริม รักษา และปรับสมดุล หรือแนะนำเป็นตรวจ Oligoscan ที่มีความแม่นยำสูงนอกจากจะตรวจหาระดับวิตามินแร่ธาตุถึง 20 รายการ แล้วยังสามารถตรวจสารพิษโลหะหนักได้อีก 14 รายการ เพื่อการรักษาอย่างมีประสิทธิภาพและการปรับสมดุลอย่างตรงจุด ตรวจสารพิษโลหะหนักด้วย Oligoscan

  • สารพิษโลหะหนัก ที่ร่างกายไม่ต้องการแต่พบบ่อยที่สุด

    โลหะหนัก (Heavy Metal) คือ ธาตุที่มีความเป็นโลหะ มีความหนาแน่นสูง มีคุณสมบัติถ่วงที่มากกว่าน้ำถึง 5 เท่า และพบได้ตามธรรมชาติทั่วไป หรือแม้แต่รอบๆตัวเรา ที่สำคัญ ฝุ่น PM2.5 ที่เราเจอกันทุกๆวันยังเต็มไปด้วยโลหะหนักเช่นกัน หากเกิดการสะสมของโลหะหนักในร่างกายจำนวนมากจะส่งผลเสียต่ออวัยวะต่างได้ เช่น หัวใจ หลอดเลือด สมอง ตับ ไต และต่อมไร้ท่อ เป็นต้น และทำให้เกิดโรคเรื้อรังต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโรคมะเร็ง โรคหัวใจ โรคตับ โรคไต โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ โรคอัลไซเมอร์ 5 โลหะหนักที่พบในร่างกายบ่อยที่สุด อาการที่บ่งชี้ว่าร่างกายเริ่มมีการสะสมของโลหะหนักแล้ว คุณจะรู้ได้อย่างไรว่าร่างกายมีสารพิษโลหะหนักเยอะแค่ไหน 5 โลหะหนักที่พบในร่างกายบ่อยที่สุด สารหนู (Arsenic) พบเจอได้จากน้ำฝน ปนเปื้อนกับผัก อาหารทะเล น้ำ ยาเร่งการเจริญเติบโตในเนื้อสัตว์ ปุ๋ยและยาฆ่าแมลงจากการเกษตร ได้รับผ่านการหายใจ การดูดซึมเข้าผิวหนัง พบว่าคนไทยมีสารหนูการตกค้างสูงที่สุด ซึ่งสารหนูจะส่งผลให้มีอาการคลื่นไส้อาเจียน ท้องเสีย หัวใจเต้นผิดปกติ กล้ามเนื้อแข็งเกร็ง ความจำเสื่อม เบื่ออาหาร ปลายประสาทอักเสบ มะเร็งปอด มะเร็งผิวหนัง มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ ภาวะโลหิตจาง อัมพฤกษ์และอัมพาต ปรอท (Mercury) พบมากในสัตว์น้ำ เช่น หมึก หอย วัคซีน วัสดุอุดฟัน ครีมทาผิว ทาสิว ทาฝ้า ซึ่งสารปรอทจะส่งผลให้กล้ามเนื้ออ่อนแรง การได้ยินผิดปกติ เส้นประสาทบริเวณมือและใบหน้าถูกทำลาย และการมองเห็นผิดปกติ อะลูมิเนียม (Aluminum) แหล่งน้ำ ดิน ยารักษาโรค เครื่องใช้ภายในบ้าน เครื่องใช้ในครัวเรือน อาหาร รวมถึงสารระงับกลิ่นตัว เมื่อร่างกายสะสมเป็นเวลานานจะส่งผลให้เกิดโรคอัลไซเมอร์ โลหิตจาง กล้ามเนื้ออ่อนแรง ตะกั่ว (Lead) พบมากในโรงงานอุตสาหกรรม เครื่องยนต์เก่า แบตเตอรี่ ภาชนะผลิตอาหาร เช่น หม้อก๋วยเตี๋ยว กระทะ และที่พบมากที่สุดมักอยู่ในเครื่องสำอางโดยเฉพาะลิปสติก ซึ่งส่งผลให้สมองเสื่อม ท้องเสีย โลหิตจาง ความดันสูง แคดเมียม (Cadmium) มักพบได้จากอากาศ ดิน แหล่งน้ำ แบตเตอรี่ โรงงานอุตสาหกรรม หากมีการสะสมของแคดเมียมจำนวนมากจะส่งผลให้เป็นโรคไตวาย โรคมะเร็ง กระดูกเปราะ โรคอิไตอิไต(Itai-itai disease) เป็นต้น อาการที่บ่งชี้ว่าร่างกายเริ่มมีการสะสมของโลหะหนักแล้ว หากพบว่าคุณเริ่มมีอาการต่างๆเหล่านี้ ต้องระวัง ปวดศีรษะบ่อยๆ ปวดเมื่อยตามร่างกายเรื้อรัง เช่น ปวดหลัง ปวดข้อมือ ข้อนิ้ว ข้อเท้า อ่อนเพลีย เหนื่อยง่ายกว่าเดิม หอบหืด หายใจไม่สะดวก ผื่นแพ้ ลมพิษ คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ท้องเสีย การมองเห็นเปลี่ยน ได้ยินผิดปกติ คุณจะรู้ได้อย่างไรว่าร่างกายมีสารพิษโลหะหนักเยอะแค่ไหน เราควรมีการเตรียมตัวเพื่อสุขภาพที่ดีตั้งแต่เนิ่นๆ ให้เราดูแลคุณด้วยโปรแกรมตรวจด้วยเครื่องมือ Oligoscan Test ที่ช่วยเช็กจำนวนโลหะหนักได้ถึง 14 รายการ เช่น สารหนู ปรอท ตะกั่ว อะลูมิเนียม แคดเมียน เป็นต้น และยังสามารถตรวจเช็กระดับแร่ธาตุที่สำคัญภายในร่างกายได้มากถึง 20 รายการอีกด้วย ตรวจสารพิษโลหะหนักด้วย Oligoscan คีเลชั่นบำบัด Chelation Therapy

  • สาวกหมูกะทะต้องสะพรึง ถ้ารู้ว่าคุณทานอะไรแถมเข้าไปบ้าง

    หมูกระทะถือเป็นอาหารปิ้งย่างในดวงใจสำหรับใครหลายๆคน แต่จะมีใครทราบบ้างว่าแท้จริงแล้วหมูกระทะส่งผลเสียต่อสุขภาพและอันตรายกว่าที่เราคิด แถมยังมีความเสี่ยงได้รับของแถมยอดแย่ ดังนี้ 1.อลูมิเนียม (Aluminum) หม้อหมูกระทะอลูมิเนียมตามร้านที่ใช้กันอยู่ทั่วไป มักมีความเสี่ยงต่อการปนเปื้อนของโลหะหนักจากการกัดกร่อนปะปนลงในอาหาร ทั้งอลูมิเนียม สารตะกั่ว สังกะสี หากเข้าไปสะสมในร่างกายปริมาณมากจะส่งผลต่อระบบประสาท อาการทางสมอง เช่า สมองเสื่อม อัลไซเมอร์ เสี่ยงเกิดโรคมะเร็ง 2.ควันจากเตาหมูกระทะ จะมีสารพีเอเอช อะโรมาติกไฮไดรคาร์บอน (Polycyclic Aromatic Hydrocarbons : PAHs) ซึ่งเป็นสารประเภทเดียวกับที่พบในท่อไอเสียรถยนต์ ควันบุหรี่ เตาเผาเชื้อเพลิงในโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งทำให้สะสมในร่างกายจน เพิ่มความเสี่ยงโรคมะเร็งตับ มะเร็งท่อน้ำดี มะเร็งลำไส้ใหญ่ เป็นต้น 3.หมูสามชั้น เบคอน ล้วนแล้วแต่มีคอเลสเตอรอล (Cholesterol) และกรดไขมันอิ่มตัว (saturated fatty acid) ซึ่งเป็นกรดไขมันที่ไม่มีความจำเป็นต่อร่างกาย หากทานไปในปริมาณมากจะส่งผลให้ระดับคอเลสเตอรอลในเลือดสูง และทำให้เกิดโรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมองตีบ ไขมันพอกตับ ความดันโลหิตสูง หากใครกังวลใจสามารถตรวจ Oligoscan เพื่อตรวจเช็กจำนวนโลหะหนักในร่างกายได้มากถึง 14 ชนิด เช่น ดีบุก สังกะสี ทองแดง ตะกั่ว สารหนู ปรอท เป็นต้น การตรวจนี้ยังช่วยให้สามารถวางแผนการมีสุขภาพที่ดีของคุณได้ด้วย เพราะสามารถตรวจวัดหาแร่ธาตุในร่างกายของคุณได้อย่างครบถ้วน เหมาะอย่างยิ่งกับผู้ที่ขาดสารอาหารแต่เจาะลึกให้แน่นอนว่าควรเพิ่มและลดสารอาหารประเภทไหนเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ตรวจสารพิษโลหะหนักด้วย Oligoscan คีเลชั่นบำบัด Chelation Therapy

bottom of page